Page 74 - ดับตัวตนค้นธรรม2566
P. 74

66
ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ว่าอารมณ์นั้นจะเป็นประเภทไหนอย่างไร โดยเฉพาะอารมณท์ เ่ี ปน็ อกศุ ล จะไดร้ เู้ ทา่ ทนั ไมห่ ลงกลเขา้ ไปยดึ วา่ เปน็ ตวั เราของเรา ไม่ให้ความเป็นเราเกิดขึ้น ผู้ปฏิบัติธรรมมีหน้าท่ีเรียนรู้ความจริง เข้าถึงความจริง ยอมรับความจริง และรับรู้อยู่กับความจริงที่เกิดข้ึน เพราะฉะน้ัน คาว่า “ธรรมะ” หรือ “สัจธรรม” ก็คือความจริงของธรรมชาติ ของรูปนาม ของกายของจิต ทั้งภายในและภายนอก นี่คือสัจธรรมที่พึงเรียนรู้
เพราะฉะนั้น การแยกรูปนาม/แยกกายแยกจิตแบบนี้ จึงให้สังเกต พิจารณาดูว่า กายท่ีน่ังอยู่บอกว่าเป็นเราไหม จิตที่โล่งเบาที่ทาหน้าท่ีรับรู้บอก ว่าเป็นเราไหม คาถามน้ีก็เป็นคาถามที่พระพุทธเจ้าถามภิกษุท้ังหลาย ถาม ปัญจวัคคีย์ทั้งห้าก็ถามแบบนี้ “รูปเป็นของเท่ียงหรือไม่เที่ยง เป็นทุกข์หรือ เป็นสุข เป็นอัตตาหรือเป็นอนัตตา จิตเป็นของเท่ียงหรือไม่เท่ียง เป็นทุกข์ หรือเป็นสุข เป็นอัตตาหรือเป็นอนัตตา” ทุกคนก็ตอบว่าเป็นอนัตตา เพราะฉะน้ัน ควรหรือท่ีจะเข้าไปยึดว่าเป็นตัวเราของเรา ? ไม่ได้หมายความว่าเราปล่อยวางแล้ว ความเป็นรูปไม่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าเราปล่อยวางแล้วไม่สามารถรับรู้ อารมณ์ต่าง ๆ ได้ แต่ย่ิงปล่อยวางยิ่งรู้ชัด ยิ่งละความเป็นเรายิ่งรู้ชัด น่ีแหละคือเหตุผลที่สาคัญว่าทาไมต้องทาจิตให้ว่างหรือแยกรูปนาม แล้วการย้ายจิตไปท่ีต่าง ๆ เพื่ออะไร ? เพื่อการรับรู้อารมณ์ต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้น
66


































































































   72   73   74   75   76