Page 104 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 104
624
เปิดตาดูรับรู้อะไรให้รอบ ๆ ดูให้ทั่ว ดูให้รอบ ๆ ไม่ต้องดูแค่ด้านเดียว อย่ามองอะไรแค่ด้านเดียว ให้เรา เขา้ ใจรสู้ กึ วา่ เราเหน็ อยา่ งนเี้ ราคดิ อยา่ งนี้ ฉนั คดิ อยา่ งนี้ ๆ กต็ ดิ ตรงนนั้ อกี กลายเปน็ วา่ ตดิ แลว้ เปน็ อยา่ งไร ใครทกุ ข์ อา้ ว!เราอกี นนั่ แหละเปน็ คนทกุ ข์ เพราะอะไร...เราไมร่ ู้ เหตผุ ลคนนนั้ เรารบั ไมไ่ ด้ อนั นรี้ บั ไมไ่ ด้ บาง เรื่องเรารับไม่ได้ จริง ๆ ไม่ต้องรับอะไรหรอก วางไว้ในที่ว่าง ๆ นั่นแหละ วางไว้ในที่ว่าง ๆ แล้วก็สบายเลย อยู่อย่างนั้น เปิดใจของเราให้กว้าง
ทีนี้คาที่พูดว่าสภาวธรรมที่สอนไว้ว่า รูปนามขันธ์ ๕ นี่นะ ลองย้อนกลับมาดูนะ รูปนามขันธ์ ๕ บอกว่าเป็นเราไหม พอไม่มีเรา พอไม่มีเราปื๊บนี่นะ ลองดูทาจิตให้กว้างให้อิสระทั้งหมดเลย ทั้งหมดแล้ว สารวจถามตัวเองดูว่า มุมมองของเราที่มีต่อสิ่งต่าง ๆ ต่อตัวเราเอง ต่อคนอื่น ไม่มีเราไม่มีตัวตนแล้วสบาย ไหม ไม่ใช่ไม่รับผิดชอบอะไร เป็นเรื่องสาคัญมาก ๆ นะ บางคนบอกปล่อยวางแล้วไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ไม่ต้องมีหน้าที่อะไรก็ได้ ปล่อยวางปล่อยภาระ ปล่อยวาง ปล่อยทิ้ง ปล่อยวางแต่ก็ยังทาหน้าที่ เห็นไหม ปล่อยวางแต่ยังมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในบริบทของตัวเอง ของตน ๆ แต่จะทุกข์ไม่ทุกข์แบบไหนอย่างไร อันนี้เราต้องใช้ปัญญา
ลองดูสิ พระพุทธเจ้าถ้าปล่อยวางหมดแล้วคงไม่มาสอนโยคี...สอนภิกษุ เราไม่ได้ฟังธรรมะดี ๆ หรอก ครูบาอาจารย์ทั้งหมดถ้าปล่อยวางหมดแล้ว ไม่เผยแผ่ธรรมะต่อนี่ เราจะมีโอกาสได้ฟังธรรมไหม นั่นคือหน้าที่ หน้าที่ที่ให้ความรู้ให้คาสอน แต่ว่าเหนื่อย...ปล่อยวางอย่างไร สอนแล้ว...ช่างมันเถอะ จะรู้... ไม่รู้ก็ช่างมัน ถามว่าเป็นอย่างไร ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครูบาอาจารย์นี่นะ น้อย...เดี๋ยวช่างมันนี่... น้อยมากเลย ต้องรู้ ต้องสอนให้รู้ให้ได้ ถ้าไม่รู้ต้องหาวิธีสอนให้รู้เรื่อง ไม่มีหรอกว่าปล่อยทิ้งปล่อยขว้าง สอนแบบปล่อยวางไม่ต้องสอนแล้ว แต่ก็ปล่อยวางเหมือนกันเมื่อถึงเวลานะ ถึงเวลาก็ปล่อย คือสอนจบก็ จบ สอนจบอาจารย์ก็ปล่อยวางแล้ว ลืมแล้วนะ
ครูบาอาจารย์เราสอนอย่างไร ถ้าเป็นอย่างนั้นลองสังเกตดูได้เลยนะ ถ้าเราสังเกตเป็น การที่เรา ฟังธรรมะแล้ว ถ้าครูบาอาจารย์ไม่คอยสังเกตตรวจสอบเราเรื่อย ๆ เราจะรู้สึกเหมือนเคว้ง ๆ โดยปริยาย เหมอื นกบั มนั ถกู ตดั มนั มชี อ่ งวา่ งแลว้ รสู้ กึ ขาดความ...เขาเรยี กวา่ อะไร บรรยากาศของความรสู้ กึ ทเี่ ชอื่ มตอ่ นี่นะ มันเคว้ง ๆ ไป แต่ถ้าเรารู้สึกเราปฏิบัติแล้วเราขยัน นึกถึง...เดี๋ยวอาจารย์จะถามอะไร จะส่งอารมณ์ อยา่ งไรนนี่ ะ รสู้ กึ ไหมมนั จะมพี ลงั บางอยา่ งทมี่ นั เชอื่ มโยงกนั แลว้ จติ เรากจ็ ะมพี ลงั ดว้ ย แตถ่ า้ บอกชา่ งเถอะ อาจารย์ไม่สนใจแล้ว นั่นจะรู้สึกว่ามันเบาหวิวไปเลย พลังก็จะหายไปด้วย
เพราะฉะนั้นนี่ อาจารย์จึงบอกว่าเวลาอาจารย์สอนธรรมะ อาจารย์พูดกับโยคีว่า ถึงแม้อาจารย์ไม่ ได้อยู่ที่สานัก แต่อาจารย์คอยดูอยู่ คอยดูทางกล้อง...เมื่อก่อนไม่มีกล้องก็ใช้ความรู้สึก ส่งจิตมา เดี๋ยว นี้มีกล้อง มีเรื่องขาว่า หลวงเทน (ชื่อพระในสานักฯ) ได้ยินนึกว่าเสียงอาจารย์ เปล่า เสียงปุ๊ (ชื่อโยคี) ให้ปุ๊เขาดู เอ่อ!นี่นะหลวงเทนนั่งอยู่เนี่ย ปุ๊เขาเรียก หลวงเทน ๆ มองหา อ้าว!จากกล้อง แต่เขาพูดไปไม่ ได้ยินหรอก