Page 11 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 11
531
เหมือนเดิมไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าบาง ๆ โปร่ง ๆ เบา ๆ ลองทาให้มีความเป็นกลุ่มก้อน มีรูปร่างหนาแน่นมาก ขึ้นอีก ทาได้หรือไม่ได้ ?
ตรงนี้เป็นตัวเปรียบเทียบอย่างหนึ่งที่เราบอกตัวเองได้ชัด เพราะอะไร ? สังเกตไหมว่า ตอนที่แยก รูปนามไม่ได้ รู้สึกว่ารูปอันนี้เป็นกลุ่มก้อน เป็นแท่งตัน ๆ ทึบ ๆ มัว ๆ สลัว ๆ ไม่เบา ไม่ว่าง ถึงแม้จิตจะ สงบก็ตาม ถึงนั่งเงียบ ๆ สงบ แต่พอมาดูที่รูปเมื่อไหร่ ก็เหมือนเป็นกลุ่มก้อนอยู่ เพราะฉะนั้น นี่คือการ สังเกตความแตกต่าง พอเราปฏิบัติไปแล้ว กลับมาดูรูปตอนนี้ ไม่เหมือนเดิมแล้วนะ ไม่มีความทึบ รู้สึก เบา ๆ ถึงแม้บางครั้งจะรู้สึกหนาแน่นไปด้วยพลัง แต่รูปจะรู้สึกเบา ๆ ไม่เป็นก้อนทึบเหมือนเดิม ตรงนี้คือ ความต่างไปความเปลี่ยนไป ตรงนี้เราจะเห็นว่าทั้งรูปและนามนั้นเปลี่ยนไป ลองดูว่า ทาไมเขาถึงเปลี่ยน ไปได้ถึงเพียงนี้ ?
เปลี่ยนเพราะเราคิดว่าจะเปลี่ยน หรือเปลี่ยนเพราะเห็นว่ารูปนามเป็นคนละส่วนกัน เปลี่ยนเพราะ เห็นว่ารูปนามอันนี้ไม่ได้บอกว่าเป็นของเรา เปลี่ยนเพราะว่าจิตไม่ใช่รูป รูปไม่ใช่จิต เพียงแต่อาศัยกัน ถึงแม้อยู่ที่เดียวกันแต่ก็จะรู้สึกว่าเขาเป็นคนละส่วนกันอยู่เสมอ นี่คือปัญญาที่เกิดขึ้นจากการเจริญภาวนา การพิจารณาสภาวธรรมของเรา เพราะฉะนั้น การดูสภาพจิต ทบทวนแบบนี้อยู่บ่อย ๆ อยู่บ่อย ๆ บางครั้ง สภาวธรรมไม่ชัดก็ไม่ต้องกังวล เพราะตัวที่ชัดคือสภาพจิต สภาพจิตก็คือตัวสภาวธรรม อาการเกิดดับไม่ ชัดไม่เป็นไร แต่ให้รู้ชัดว่าสภาพจิตเป็นอย่างไร นั่นคือส่วนสาคัญ ถ้าพิจารณาแบบนี้ เราจะอยู่กับธรรมะ อยู่กับสภาวธรรมเรื่อย ๆ
แต่ก็อีกนั่นแหละ เวลาปฏิบัติ พอมาดูสภาพจิตเมื่อไหร่ก็หลับ ดูสภาพจิตเมื่อไหร่ก็หมดแรง โดย เฉพาะสาย ๆ บ่าย ๆ ช่วงบ่าย ๆ นั่งหลับเป็นแถว... สภาพจิตเป็นยังไง ? มันไม่ตื่นตัวเลย ง่วง ง่วง ง่วง จิตไม่ตื่นตัว แล้วมาถามอาจารย์ว่า มันเป็นอะไร เป็นอาการเพลีย เป็นสภาวธรรมหรือเปล่า หรือเกิดจาก อะไร ? ความง่วงก็เป็นตัวถีนมิทธะ ก็คือสภาวธรรม เพียงแต่จะแก้ง่วงอย่างไร... อันนี้เอาตามสะดวก! บางคนก็ลุกเดิน ล้างหน้าบ้าง นั่งบ้าง แต่จริง ๆ แล้วนี่ความง่วงเขาอาศัยรูป แต่เกิดจากสติอ่อน ถ้าไม่มี รูปนี่ก็คงไม่รู้จะง่วงยังไงนะ เราคงไม่รู้สึกหรอก ถ้าไม่มีรูปคงไม่รู้สึกว่าหนัก แปลกมากเลยนะ ถ้าอยู่แบบ ไม่มีรูป เขาจะไม่รู้สึกว่าง่วง รู้แต่ว่าหายไป
ลองปฏิบัติดูนะ ถ้าไม่มีรูป อยู่ ๆ ก็หายไปไหนไม่รู้ มารู้สึกอีกที อ้าว...!! ไม่รู้สึกง่วงแต่หายไป เฉย ๆ เขาเรียกดับ เป็นอาการดับไป อย่าคิดนะ... เอ๊ะ! มันเป็นยังไง ใช่แบบนี้หรือเปล่า ? อันนี้ก็ลองดู ปฏิบัติไปเดี๋ยวจะเห็นการหลับแบบที่ไม่ต้องอาศัยความง่วงนี่เป็นยังไง เคยนะ นั่ง ๆ ไปไม่ง่วงเลยแต่มัน หลับไปได้ยังไง!? คือบางทีมันง่วงแบบละเอียด นั่ง ๆ แล้วเหมือนไม่ง่วงเลย นิ่ง ๆ นิ่ง ๆ นิ่ง ๆ ไม่ง่วง หรอก มันแค่เบลอ ๆ ๆ นิ่ง ๆ สลัว ๆ แล้วก็เงียบหายไป ไอ้ที่เบลอ ๆ นั่นแหละคือความง่วง เงียบหาย ไป...พอ รู้สึกตัวอีกทีสดชื่นเบิกบาน หลับไปตื่นหนึ่งก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้นมา เราได้หลับแล้ว!
เวลาปฏบิ ตั ิ อนั นอี้ ยา่ งหนงึ่ กค็ อื วา่ ไมไ่ ดช้ โี้ พรงใหก้ ระรอกนะ บางคนนงั่ แลว้ จะหลบั ฝนื ฝนื ฝนื ... ฝนื ไมไ่ หวกห็ งดุ หงดิ กลวั จะนงั่ ไมไ่ ดต้ ามเวลา ฝนื ฝนื ... บางทจี ะนงั่ กก็ ลวั หลบั พอกลวั หลบั กเ็ รมิ่ หงดุ หงดิ