Page 10 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 10
530
ให้ดูแล้ว เพราะอะไรถึงนึกว่าไม่มีอะไรให้ดู ? มันว่างไปหมดแล้ว แต่ขณะที่ว่างไปหมดกลับรู้สึกไม่ดี กับจิตที่ว่างของตัวเอง เพราะรู้สึกว่านั่นไม่ใช่สภาพจิตของเรา รู้แต่ว่ามันว่าง ๆ ไป เพราะฉะนั้น การดู สภาพจิตคือการพัฒนาจิตตนเอง สภาพจิตที่เปลี่ยนไป ที่ดีขึ้น สงบขึ้น ใสขึ้น ว่างขึ้น นั่นคือการขัดเกลา จิตเราจนรู้สึกว่าสะอาดขึ้น ว่างมากขึ้น จนไม่มีอะไรเกาะ จนไม่มีอะไรค้าง แล้วลองดูว่า จิตประเภทนั้นดี อย่างไร ?
ถ้าไม่มีอะไร มีอย่างหนึ่งที่เราต้องเพิ่ม ก็คือเพิ่มพลังให้กับจิตที่ไม่มีอะไรนั่นแหละ เพิ่มพลัง ความเปน็ กศุ ลใหก้ บั จติ ทวี่ า่ ง จติ ทรี่ สู้ กึ เบา เพมิ่ ความหนาแนน่ ใหก้ บั จติ ทเี่ บา (ให)้ จติ ทเี่ บามคี วามหนาแนน่ มากขึ้น มีความตั้งมั่นมากขึ้น อย่าเพิ่มอกุศลให้กับจิตที่เบา เรามักจะเพิ่มความเป็นตัวตนเข้าไปในจิตที่ ว่าง ๆ ไม่มีอะไร เพื่อที่จะได้ยึดต่อไป เพราะเคยยึดมานาน พอเจอความว่าง ยึดไม่ได้ ก็เลยจะไปหาอะไร ให้ยึดสักอย่างหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่มาปฏิบัติเพื่อละ เพื่อขัดเกลา เพื่อที่จะไม่ต้องยึดอะไร พอเจอรูปว่างไป ยึด ไม่ได้ ก็พยายามหาสิ่งใหม่มายึด พอจิตว่างไป ก็จะหาอะไรเข้ามาให้จิตยึดต่อ พอไม่มีอารมณ์ให้ยึด ก็ จะรู้สึกวังเวงว่าไม่มีอะไรให้ยึดแล้ว แล้วรู้สึกไม่ดีเลย การที่เราเจอความว่างแล้วรู้สึกไม่ดี เพราะเราเคยมี อะไรให้ยึดมาตลอดชีวิตของเรา
แต่การขัดเกลาจิตใจของเรา ที่บอกว่าเอาธรรมะเป็นที่ตั้ง เราเอาสัจธรรมมาเป็นที่พึ่ง ก็คือความ ไม่มีอะไรตรงนั้นคือสภาวะของความเป็นอนัตตานั่นเอง เพราะฉะนั้น สภาวะของความเป็นอนัตตา ถ้าเพิ่ม พลังเข้าไป เราจะใช้งานจิตที่ไม่มีตัวตนได้อย่างเต็มที่ ที่บอกว่า จิตที่ว่าง จิตที่ไม่มีตัวตนไม่มีเรา เปรียบ เหมือนอากาศธาตุ เหมือนจักรวาลที่มีแต่อากาศ อะไรก็เกิดขึ้นตรงนั้นได้ ไม่ปฏิเสธอารมณ์เลยสักอย่าง เดียว พร้อมที่จะรับรู้ว่าอารมณ์นั้นเกิดขึ้นมาแล้วดับอย่างไร เกิดขึ้นมาแล้วดับอย่างไร... มีแล้วหมดไป มี แล้วหายไปในแต่ละขณะ... ทุกครั้งที่อารมณ์เหล่านั้นเกิดดับไปในที่ว่าง ๆ ลองสังเกตดู สภาพจิตรู้สึกเป็น อย่างไร... ให้ความรู้สึกดีไหม ดีตรงไหน ?
บางคนรู้สึกไม่แน่ใจว่าดีหรือเปล่า มันไม่มีอะไรเลย เราจะรู้ว่าดีได้อย่างไร ? เราก็เปรียบเทียบจาก อดตี ทเี่ รามกี ารยดึ ตอนนดี้ จี งั เลย ไมม่ อี ะไรตกคา้ งอยใู่ นใจ เกดิ ขนึ้ แลว้ ผา่ นไป เหลอื แตค่ วามอสิ ระของจติ ถามวา่ไมด่ตีรงไหน?นคี่อืการพจิารณาดสูภาพจติและการดสูภาพจติตอ้งดตูอ่เนอื่งทนีี้เมอื่ปฏบิตัมิากขนึ้ สภาพจติ เปลยี่ นไป สงิ่ หนงึ่ ทพี่ งึ พจิ ารณา เราเปรยี บเทยี บไดไ้ หมวา่ สภาพจติ ทเี่ ปลยี่ นไปของเราตา่ งจากเดมิ มากน้อยแค่ไหน ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเหมือนเปิดไฟกับปิดไฟ จากที่เคยมืด ๆ อยู่ พอเปิดไฟปึ๊บมันก็ เปลยี่ นไปเลย ไมก่ ลบั ไปมดื เหมอื นเดมิ อกี นนั่ คอื สภาพจติ ทเี่ ปลยี่ นไป เปลยี่ นเปน็ เบากวา่ เดมิ โลง่ กวา่ เดมิ
อีกจุดหนึ่งที่จะทาให้เรารู้สึกชัดว่าสภาพจิตเราเปลี่ยนไปต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง หรือไม่สิ้นเชิง ก็ตาม แต่เปลี่ยนไปอย่างมาก “เปลี่ยนไปอย่างมาก” ก็คือว่า ถึงแม้ว่าเราไม่ได้กาหนดก็ตาม แต่พอมารู้ สภาพจิต เขาต่างจากเดิม เบากว่าเดิม เวลามีอารมณ์เข้ามากระทบ น้าหนักของเขาเท่าเดิมหรือเปล่า ? อันนี้ อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็คือ ลองกลับมาดูตัว/ดูรูปของเรา เขายังมีความหนาแน่นเป็นกลุ่มเป็นก้อน เท่าเดิม หรือบางไปไม่เหมือนเดิม หรือว่างไป หรือแค่รู้สึกโล่ง ๆ เบา ๆ เท่านั้นเอง พยายามให้เป็นรูปร่าง