Page 122 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 122
642
เขาผ่องใสได้อย่างไร การเดินทางไปข้างหน้า ก็คือการพิจารณาอาการพระไตรลักษณ์ สัมมากัมมันตะ การงานชอบ การงานที่ถูกต้องเราจะพิจารณาอะไร การเดินทางไปสู่เป้าหมายเพื่อการดับทุกข์ การงานชอบ การทา งานทถี่ กู ทตี่ อ้ งคอื อะไร พจิ ารณาอาการเกดิ ดบั ของรปู นามนนั่ คอื การงานของเรา เพราะการพจิ ารณา อาการเกิดดับของรูปนาม คือวิธีที่จะละสักกายทิฏฐิ ละอุปาทาน ละอกุศลต่าง ๆ เพราะเป็นวิธีการที่จะให้ เราเห็นสัจธรรม ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของรูปนามทั้งหมด ตรงนี้แหละที่จะพิจารณา
จริง ๆ แล้ว ถ้าเกี่ยวข้องกัน การพิจารณาแบบนี้รู้อาการเกิดดับตรงนี้ชัด ๆ งานของเรา เสียงเกิด ขึ้นมา รู้อาการเกิดดับของเสียง เวทนาเกิดขึ้นมา เข้าไปรู้อาการเกิดดับของเวทนา ความคิดเกิดขึ้นมา รู้ อาการเกิดดับของความคิด นี่แหละการงานชอบ เพราะอะไร การงานที่ถูกต้องที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ เห็นไหม การงานที่จะเป็นไปเพื่อความดับทุกข์ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ กลายเป็นรูปนามอันนี้ ทั้งภายนอกภายใน สังเกตไหมว่า ทาไมถึงเรียกว่าถูกต้อง เพราะทุกครั้งที่เราเห็นอาการดับแล้วจิตดับ เห็น รูปนามดับไป จิตมันจะเบาขึ้น โล่งขึ้น ใสขึ้น สะอาดขึ้น นั่นคือทาถูกแล้ว นั่นคือการงานที่ถูกแล้ว เพราะ เราปฏิบัติเพื่อการชาระ เพราะฉะนั้นในการชาระจิตของเรา ให้จิตเบาขึ้น ใสขึ้น สะอาดขึ้น
ทนี พี้ อจติ สะอาดขนึ้ แลว้ ดอี ยา่ งไร ทจี่ รงิ แลว้ ดอี ยา่ งไร พอจติ สะอาดเวลาอกศุ ลเขา้ มาเหน็ งา่ ยไหม... เห็นเร็ว นี่แหละอานิสงส์ก็คือ พอจิตเราสะอาดขึ้น เวลาอกุศลเกิดขึ้นมา ความคิดไม่ว่าจะเป็นผัสสะอะไร ให้อกุศลทางจิตเกิดขึ้นมานิดเดียวก็เห็นชัด แม้แต่ความคิดขึ้นมา คิดที่เป็นอกุศลก็เห็นชัด มันกลายเป็น ว่าสะอาดขึ้นแล้วดีอย่างไร ดีในการรับรู้อารมณ์ต่าง ๆ ชัดขึ้น แล้วถ้าสะอาดขึ้นอีก อารมณ์นั้นเกาะค้าง ได้ไหม...เห็นไหม เหมือนเราเช็ดกระจกแต่เคลือบด้วยน้ามัน ฝนก็ไม่ติด ตกก็จะไหลผ่าน ไหลผ่าน เหมือนกับมีเคลือบด้วยน้ามัน อารมณ์ใดที่เกิดขึ้นก็ตาม อารมณ์ที่เกิดขึ้นก็เช่นเดียวกัน ถ้าจิตเรามีความ ว่างแล้วใส เราจะเห็นว่ากระทบแล้วมันไม่ซึมเข้ามาในจิตเรา กระทบแล้วดับตรงนั้น กระทบแล้วแว็บหาย กระทบแล้วแว็บหาย ไม่ค้าง กระทบแล้วดับไปจิตยิ่งใสขึ้น
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่จิตเราไม่ใส...แค่สงบ กระทบแล้วบางทีก็ค้าง ค่อย ๆ ค้าง ค่อย ๆ สลัว ค่อย ๆ มัว ค่อย ๆ มัวขึ้นมา แล้วก็ไม่ดับไป เพราะฉะนั้นจิตที่เรารู้ การงานที่ถูกต้อง ที่เขาเรียกว่าการงานชอบ รู้อาการ พระไตรลักษณ์ตรงนี้ ทาไมถึงต้องรู้ทุก ๆ อารมณ์ เพราะทุก ๆ อารมณ์ที่เกิดขึ้น เป็นปัจจัย เป็นที่ตั้งแห่ง อุปาทานได้ ถ้าเราไม่กาหนดรู้ เผลอเมื่อไหร่เราเข้าไปยึด เผลอเมื่อไหร่ก็เข้าไปเกาะเกี่ยว เผลอเมื่อไหร่ก็ เป็นของเรา แต่ขณะที่เราดับลง สิ่งที่ต้องสังเกตต่อก็คือว่า ขณะที่จิตเราผ่องใสขึ้น สะอาดว่างขึ้น แต่ก็ยัง รับรู้ในเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าเรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร ไม่ใช่แบบว่า...รู้แต่จิตที่ใส ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น
สงั เกต...เขาเรยี กวา่ รสู้ ภาพจติ และรอู้ ารมณบ์ ญั ญตั ิ รอู้ ยา่ งไมม่ ตี วั ตนแลว้ กร็ บู้ ญั ญตั ดิ ว้ ย ไมอ่ ยา่ ง นนั้ เราจะไมร่ หู้ วิ ขา้ วหรอื ยงั ตอ้ งทานขา้ วไหม ขา้ วหนา้ ตาเปน็ อยา่ งไร ทานอะไรแทนขา้ วไดไ้ หม ถา้ ไมร่ ไู้ มไ่ ด้ ทานหรอก ไม่อยาก ไม่หิว แต่ก็ทานไปเรียบร้อยแล้ว เอ่อ! อันนั้นไม่ได้ อันนี้เขาเรียกว่า ทิ้งบัญญัติจน ไมร่ วู้ า่ ตวั เองกา ลงั ทา อะไร แสดงวา่ เราไมร่ บู้ ญั ญตั ขิ องความเปน็ จรงิ เหมอื นทานอาหารไป อรอ่ ยไหม...ไมร่ ู้ อนั นแี้ ตล่ ะคนกต็ า่ งกนั คอื รสชาตเิ ปน็ อยา่ งไร เผด็ เปน็ อยา่ งไร เปรยี้ ว หวาน มนั ๆ อรอ่ ยไหม...ไมร่ ู้ อนั น.ี้ ..