Page 132 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 132
652
คลายออกไป คลายอย่างไร คลายด้วยการเอาความรู้สึกที่ว่าง ๆ มาที่ตัว แล้วกระจายให้เขาทะลุ ทะลุออก ไป แผ่ออกไป ให้กว้างออกไปให้หมด แล้วก็นิ่งใหม่ จริง ๆ สังเกตพอเอาความหนักที่รู้สึกถ่วง ๆ หายไป แล้ว ตัวรู้สึกเบาขึ้น โล่งขึ้น ใจรู้สึกโล่งขึ้นตื่นตัวขึ้น ลองขยายขึ้นข้างบน ให้จิตที่โล่งที่เบาขึ้นข้างบน กว้าง ออกไปอีก ให้กว้างออกไปขึ้นข้างบน เหมือนท้องฟ้า ให้กว้างออกไปไม่มีขอบเขต แล้วก็นิ่งใหม่ กลับมานิ่ง ดูข้างหน้าอีก ดูว่าอาการอะไร ดูสภาพจิตต่อว่า พอกว้างทั้งหมดแล้วจิตรู้สึกเป็นอย่างไร ตื่นตัวขึ้น เบาขึ้น แลว้ กน็ งิ่ ดวู า่ อาการอะไรจะเกดิ ในบรรยากาศนนั้ ตอ่ คอยกา หนดรู้ ดอู ยา่ งตอ่ เนอื่ งตอ่ ไปเรอื่ ย ๆ จนอาการ นั้นสิ้นสุด
ตามรู้อาการอะไรก็ตามก็ดูให้สิ้นสุด ดูจิตที่สงบ จิตที่เบา จิตที่มีความสุข ก็เดินไปจนสุดทางเดิน ไปจนสุด จนสุดอย่างไร อย่างเช่นเราเข้าไปรู้ความสุข ยิ่งสุขมากขึ้น ความสุขใสขึ้น นุ่มนวลขึ้น ละเอียดขึ้น ยิ่งรู้ยิ่งบาง ยิ่งเบา ยิ่งสุขละเอียดขึ้น เห็นแล้วเปลี่ยนเป็นความใสอย่างเดียว ความสุขเปลี่ยนเป็นความใส มีแต่ความใสชัดเจน นั่นคือเหมือนกับเดินเข้าไปเจอความใส ความสุขรสชาติของความสุขเบาบางลง แต่ เป็นลักษณะเป็นความใสนั้นให้ความรู้สึกดีอย่างไร ไม่ใช่ไม่สุขแล้ว...ไม่ดี ความรู้สึกที่ใสนั้นรู้สึกว่าจิตเรา ใสมากกว่าเดิม สภาพจิตใสมากกว่าเดิม ไม่สุขแบบเข้มข้น แต่มีความใสให้ความรู้สึกสบายมากกว่าเดิม โปร่งมากกว่าเดิม หรืออิสระมากกว่าเดิม นั่นก็คือความสุขอย่างหนึ่ง
เพียงแต่ไม่ได้เป็นความสุขที่มีความหนาแน่นหรือเข้มข้น แล้วลองดู ทีนี้พอเขากว้างสบายเบากว่า เดิม นิ่ง...ให้นิ่งแล้วดูตรงกลางความสบาย อยู่ใกล้ ๆ ตัว อีกทีหนึ่ง อยู่ใกล้ ๆ ตัว ความสบายบริเวณที่ตัว ที่รูป เพราะเขาจะมิติของความสบาย การที่เรารู้สึกถึงมิติของความสบาย นั่นเราก็จะเห็นถึงความสบายนั้น มีพลังมากแค่ไหน ว่างเบาก็จริง ถามว่า ถ้าเรารู้สึก รู้ชัดถึงความมีมิติมีความลึก เราก็จะรู้สึกว่าเป็นความ สบาย เป็นความเบาที่เต็มไปด้วยความสบาย ความเงียบ ความอิสระ แบบไหน นั่นคือการดูจิตในจิต รู้ อย่างต่อเนื่องไป กาหนดรู้ไป ตามรู้ไป สลับกับอาการเกิดดับ สลับกับอาการเกิดดับของอารมณ์ต่าง ๆ ที่ ปรากฏอยู่เฉพาะหน้าเรา
อันนี้ให้สังเกตสภาวะอาการเกิดดับ ที่ปรากฏอยู่เฉพาะหน้าของตน ๆ สภาวะใครที่รู้สึกว่ามีอาการ เกิดดับที่มันสว่างวาบ ๆ ๆ ขึ้นมาก็ตามไป ถ้ามีอาการเกิดดับที่เป็นเส้น แว็บเป็นพุ่งไป พุ่งไป ก็ตามไป มี อาการระยิบระยับ ก็กาหนดอาการระยิบระยับ มีความรู้สึกว่ามีอาการกระเพื่อม ๆ ๆ หรือกระเพื่อมทั้งตัว เปน็ ขณะ ๆ กต็ ามกา หนดรอู้ าการกระเพอื่ ม อาการเกดิ ดบั ของการกระเพอื่ มไปในแตล่ ะขณะ ๆ คา วา่ ...ตาม ตรงนี้ให้เข้าใจอย่างหนึ่งว่า อาจารย์ใช้คาว่า ตาม แต่หลักการ คือการกาหนดรู้เข้าให้ถึงอาการ การกาหนดรู้ อารมณ์แบบนี้คือ เข้าให้ถึงอาการให้เป็นปัจจุบันจริง ๆ ก็คือสติเราเข้าให้ถึงอาการ
เพราะฉะนนั้ พอใชค้ า วา่ ตามกา หนดรอู้ าการทเี่ กดิ ขนึ้ หมายถงึ วา่ เขา้ ไปใหถ้ งึ ตามรเู้ ขา้ ไป และเขา้ ไป ให้ถึงอาการที่เกิดดับอยู่ในแต่ละขณะ ๆ ว่าเปลี่ยนไปอย่างไร ให้กาหนดให้ถึงปัจจุบัน เข้าถึงอาการ เข้า ถึงสภาวธรรมที่กาลังปรากฏอยู่จริง ๆ ตามรู้แบบนี้อย่างต่อเนื่อง และการตามรู้แบบนี้ คือการเจาะสภาวะ เป็นการเดินทางไปข้างหน้า...ไปในตัว พอเดินทางสิ้นสุดอาการ เหมือนเราเดินทางถึงทางแยก รู้อาการเกิด