Page 148 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 148
668
ที่สุขแล้วกว้างเป็นบรรยากาศแล้วมีกาลัง ก็จะดึงสิ่งดี ๆ เข้ามาหาเรา มาในบรรยากาศอันนี้สิ่งดี ๆ ความ รู้สึกดี ๆ จะเกิดขึ้นอีกเยอะ เราก็จะเห็นอันนั้นก็ดีอันนี้ก็ดี ทาให้สิ่งที่ดีที่สุดคืออะไร จิตเรานั่นแหละที่ดี จิต เราดีมีความสุขเพราะจิตเรากว้าง กว้างออกไป เราก็อยู่อย่างมีความสุขแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็ถูกห่อ หุ้มด้วยความรู้สึกที่ดี ห่อหุ้มด้วยบรรยากาศของความรู้สึกที่ดี เดินอยู่ในบรรยากาศของความรู้สึกที่ดี ทา อะไรอยู่ในบรรยากาศดี ๆ ของตัวเอง อยู่ในบ้าน เห็นไหม นี่คือการฝึกจิต การดูสภาพจิตของรา ดูบ่อย ๆ
และที่สาคัญก็คือว่าต้องรู้ชัดว่า ที่ว่างเบานั้นคือลักษณะเป็นจิตที่ว่างที่เบาและจิตที่สงบ รู้แบบนี้ ซ้า ๆ ...ทา ทีนี้เมื่อจิตที่เบาที่สงบ มีสภาพจิต มีบรรยากาศรองรับ อย่างหนึ่งก็คือว่า ถ้าจิตเรามีบรรยากาศ รองรับอารมณ์ต่าง ๆ ตอนนี้เป็นการยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา บรรยากาศที่มีบรรยากาศรองรับ มีความสุขมี ความสงบรองรับแล้วนี่นะ เวลากาหนดยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา พิจารณาอาการ มีเจตนาที่จะรู้อาการเกิดดับ ของอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง อย่างเช่นเดินไปเดินมา มีเจตนาที่จะยกจิตเข้าไปพิจารณา อาการเกิดดับของ เสียงนก เสียงใบไม้ที่เกิดขึ้นอยู่ในบรรยากาศของความรู้สึกเรา เกิดขึ้นอยู่ในบรรยากาศของความรู้สึกเรา อาจจะเปน็ บรรยากาศของความสขุ บรรยากาศของความสงบ บรรยากาศของความวา่ ง บรรยากาศของความ ใส อย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม นั่นคือเห็นว่า อาการนั้นปรากฏอยู่ในบรรยากาศของความรู้สึก
ทีนี้พอยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนาก็คือว่า มีเจตนาที่จะรู้ว่าเสียงนั้นที่เกิดขึ้นมาเขาเกิดดับอย่างไร นิ่ง ๆ ยืนนิ่ง ๆ แล้วกาหนดรู้ว่าเกิดดับอย่างไร เกิดดับ ๆ ๆ พออาการเกิดดับนี้หมดไป ก็มาดูสภาพจิตทั้งหมด อีก จิตเราเป็นอย่างไร ตื่นตัวขึ้น มีความสุขขึ้น บรรยากาศรอบ ๆ ที่มีอยู่เมื่อกี้นี้เป็นอย่างไร ใสขึ้นด้วยไหม เบาขึ้นด้วยไหม ในขณะที่จิตเราเบาขึ้นหรือใสขึ้น นี่คือการสารวจ จิตเคยกว้างแค่ไหนก็สารวจเท่านั้น หรือ ให้กว้างกว่านั้น ให้มากกว่านั้น ให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องหุบอยู่แคบ ๆ นี่คือการพิจารณา
พอเดนิ ไป...กลบั มาดสู ภาพจติ จติ เรายงั ยนื อยใู่ นบรรยกาศทเี่ บาใสอยู่ จะทา อะไรกท็ า ไป เดนิ ไป ๆ แล้วจะรู้ ถ้าเราเดินระยะทางระดับหนึ่ง แล้วก็มีเจตนาที่จะยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา ด้วยการเอาการเดินมาเป็น อารมณ์ ก็ให้เดินอยู่ในบรรยากาศที่ถูกห่อหุ้มด้วยความสุขหรือความสงบนั้น แล้วก็สังเกตแต่ละก้าวเขา เกิดดับอย่างไง พอใจที่จะรู้ รู้ด้วยความสุข ความรู้สึกที่สุขทาหน้าที่รับรู้อาการเคลื่อนไหวไป พอถึงที่ต้อง ทาอะไรก็มีบรรยากาศรองรับอยู่ จะหยิบจะจับเคลื่อนไหวอยู่ในบรรยากาศไปเรื่อย ๆ แค่พอใจ...อย่ายึด นะ ให้พอใจที่จะรู้แบบนี้ ใส่ใจ...ไม่ใช่ว่ายึด พอใจแล้วเขาจะอยู่นาน ถ้ายึด...เขาอยู่ไม่ได้ พอยึดจิตเราจะ แคบลงมีตัวตน เดี๋ยวก็หาย บรรยากาศก็หายหมด
แต่ถ้าพอใจ เอ่อ!มันเบาลง พอใจที่จะรู้จิตที่สุขใหม่ พอใจที่จะรู้ พอใจที่สารวจจิตตัวเอง ดูกว้าง ใหม่...นิ่งนิดหนึ่ง เอาจิตนั้นมาใช้ใหม่ ทาแบบนี้อย่างต่อเนื่องซ้า ๆ แล้วก็ดูสภาพจิต แล้วก็จะรู้ว่า พอทา แบบนี้ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ แล้วจะรู้ว่าสภาพจิตใจเราเหมือนเดิม เราเป็นคนเดิมไหม หรือเราเปลี่ยนไป ถ้า เป็น...สมมติว่าเราเป็นคนที่อยู่แบบแห้ง ๆ ไม่มีบรรยากาศรองรับเลยนี่นะ พอมีบรรยากาศรองรับปุ๊บ มี บรรยากาศของความสงบ ความสุขรองรับ ในกิจกรรมในชีวิตประจาวันของเรา รู้สึกไหมว่าตัวเราเปลี่ยน ไปหรือเปล่า เปลี่ยนจากเดิมไหม วิถีชีวิตเรา คือความคิด หรือจิตใจของเรา มุมมองของเราต่างไปอย่างไร