Page 176 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 176
696
แต่ถ้ามีอาการกระสับกระส่าย นั่นเป็นลักษณะของอาการ ลักษณะรู้สึกกระสับกระส่าย หงุดหงิด นั้น จัดเป็นอาการ แต่ขณะที่หงุดหงิด ลองดูสภาพจิตเป็นอย่างไร มีความขุ่นมัว มีความร้อน ๆ มีความ หนัก ๆ คือลักษณะของสภาพจิตที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะของความทุกข์ เพราะฉะนั้นอาการต่าง ๆ เหล่านี้ ที่เกิดขึ้น...อย่างไร ถ้าเรามีสติรู้ชัด ไม่ว่าจะเป็นสภาพจิตอย่างไร แต่สติการที่ใส่ใจการสังเกตให้ดี นั่นคือ การมีสติสัมปชัญญะ เว้นไว้อย่างเดียวก็คือว่า พอมันว่าง มันเงียบ แล้วหลับ อันนั้นคือสติอ่อน พอว่างเบา แล้วก็หลับ อันนั้นเป็นสติอ่อน จึงแยกไม่ถูกว่าสภาพจิตเป็นอย่างไร
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พอหลับแล้วรู้สึกตัวขึ้นมา ก็ยังบอกได้ว่าสภาพจิตมันเงียบ ๆ สงบเงียบ ๆ สัก พักแล้วก็หลับไป เงียบ ๆ เบลอ ๆ แล้วก็หลับไป นั่นคือเราจะสามารถรู้สึกได้ ย้อนกลับมารู้สึกได้ เพราะ ฉะนนั้ สภาวธรรมทเี่ กดิ ขนึ้ การสงั เกตสภาวธรรมในแตล่ ะขณะ จงึ ตอ้ งสงั เกตใหช้ ดั เจนใหต้ อ่ เนอื่ ง ทนี สี้ ภาวะ แบบนี้ ที่บอกว่าอาการทางกาย อาการทางจิต เป็นสิ่งที่ควบคู่กันอาศัยกัน บางครั้งเราจะเห็นว่า อาการ เกิดดับที่บริเวณรูป อาการเต้นของหัวใจเกิดขึ้นมา...เป็นอะไร เป็นอาการเกิดดับของรูป
เพราะฉะนั้นถึงแม้จะเกิดอยู่ในที่ว่าง ๆ ถึงแม้จะเกิดอยู่ในที่ว่าง ๆ ไม่มีรูปร่างของตัว ก็คืออาการ ของรูป อาการระยิบระยับ วูบวาบที่เกิดขึ้น เหมือนเป็นแสงวูบวาบเกิดขึ้นข้างหน้า ก็เหมือนเป็นอาการของ รูปที่ปรากฏเกิดขึ้นมา เป็นอาการเกิดดับของรูปที่ปรากฏขึ้นมา เริ่มมาจากอะไร เริ่มมาจากการกาหนด ลมหายใจของเรา ก็เริ่มมาจากกาหนดอาการที่ท้อง เริ่มมาจากกาหนดอาการเต้นของหัวใจ อย่างใดอย่าง หนึ่ง แล้วอาการนี้ปรากฏขึ้นมา...เราทบทวน เขาเรียกว่าอนุโลมปฏิโลม
ทบทวนดูได้ว่าอาการนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร อาการวูบวาบนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร เราไปรู้อะไรอยู่... สภาพจิต สติเป็นอย่างไร สมาธิเป็นอย่างไร อาการนี้ปรากฏเกิดขึ้นมา นั่นคือสิ่งที่เราสามารถพิจารณาได้ ทบทวนดูได้ เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่เราปฏิบัติธรรม เมื่อมีสภาวธรรมที่แปลก ๆ ที่ไม่เคยเห็น...เกิดขึ้น ขอ ให้สังเกตให้ดี ไม่ใช่แค่เราตกใจ ดีใจ ปีติ มีความสุขแล้วลืมสังเกต ไม่ว่าจะเป็นมีปีติ มีความสุข มีความ อิ่มใจ มีความสบายใจเกิดขึ้นกับสภาวะที่แปลกใหม่ พอเกิดขึ้นมาแล้วรู้สึกตกใจ แปลกใจ ถึงแม้จะลืมตา ขึ้นมาแล้ว ลองกลับไปสังเกตดูใหม่สิ อาการเมื่อกี้นี้เป็นอย่างไร สภาพจิตใจตอนนี้เป็นอย่างไร
สังเกตแบบนี้ เราก็สามารถรู้ได้ว่า เห็นอาการแล้วตื่นเต้นมากเลย พอมารู้อาการสภาพจิต จิตมี ความตื่นเต้น แต่ว่าสว่าง มีความตื่นตัว มีความใส มีความสว่างเกิดขึ้น นั่นคือไม่ใช่ว่าแค่ตื่นเต้น ในขณะ ที่มีอาการตื่นเต้น ตรงไหน...ที่เราบอกว่าตื่นเต้น ส่วนใหญ่พอตื่นเต้น ก็คืออาการเต้นของหัวใจมันแรง ๆ รัว ๆ ขึ้นมา นั่นที่เราบอก รู้สึกว่าจิตใจรู้สึกมันตื่นเต้นมากเลย...ดีใจ
แต่ถ้าตรวจสภาพจิตเอง ลองดู ขณะที่เราตื่นเต้นหรือดีใจตรงนี้ สภาพจิตเป็นอย่างไร มีความสว่าง มีความผ่องใส มีความโล่ง ความเบา เบามากเลย หรือมีความตั้งมั่นเกิดขึ้น นั่นคือลักษณะของสภาพจิตที่ เราสามารถรู้สึกได้ แต่ถ้าตั้งมั่นเมื่อไหร่ ความตื่นเต้นจะไม่ค่อยเกิด เราจะรู้สึกว่า มีความเบา มีความสบาย รู้สึกโล่งมากเลย รู้สึกแปลกใจ รู้สึกเบา รู้สึกมีความสุข รู้สึกอิ่มใจขึ้นมา นั่นคือลักษณะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจะ รู้สึกว่ามี...ตื่นเต้น จะรู้สึกอิ่มใจรู้สึกสบายใจ นั่นคือสภาพจิตที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น การพิจารณาสภาพจิต