Page 175 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 175
695
อยู่ที่จุดกระทบของเท้า หรือการยกของเท้า แต่มีอาการเกิดดับ ปรากฏอยู่ในความรู้สึกที่เบาที่ว่างนั่น แหละ มีอาการวาบขึ้นมา วาบขึ้นมา เบาวู๊บ ๆ ๆ เป็นขณะ ที่เบาวู๊บเป็นขณะ นั่นคืออาการเกิดดับ ไม่ใช่ว่า สภาพจติ เบาวบี๊ ๆ ขนึ้ มา ความรสู้ กึ เบาขนึ้ มากจ็ รงิ แตถ่ า้ เปน็ ขณะเบาฟบ๊ื ๆ เปน็ ขณะเมอื่ ไหร่ นนั่ คอื อาการ เกิดดับ จิตที่เบาขึ้นเป็นขณะ แล้วก็มุ่งไปกาหนดรู้อาการที่เบาวู๊บแล้วหายอย่างไร ในขณะต่อ ๆ ไป อาการ ที่เบาหาย ๆ ๆ เปลี่ยนไปอย่างไร นั่นคืออาการเกิดดับ ที่ปรากฏเกิดขึ้นมาในบรรยากาศของความรู้สึก ที่เบา
เพราะฉะนนั้ การสงั เกตอาการแบบนี้ การกา หนดรสู้ ภาพจติ ตรงนี้ เปน็ สงิ่ สา คญั มาก ๆ เพราะสภาพ จ ติ ท ปี ่ ร า ก ฏ ท เี ่ ป น็ บ ร ร ย า ก า ศ เ ป น็ ก า ล งั ข อ ง ส ม า ธ สิ ต ปิ ญั ญ า เ ก ดิ ข นึ ้ จ า ก ก า ร ส งั เ ก ต ส ต สิ ม า ธ มิ กี า ล งั ป ญั ญ า เกิดจากการพิจารณา การใส่ใจถึงความแตกต่างของสภาวธรรมที่เกิดขึ้น อันนี้เป็นหลักสาคัญสาหรับโยคี ผู้ปฏิบัติธรรม ที่ปรารถนาให้สภาวธรรมเราก้าวหน้า เดินหน้าไปเรื่อย ๆ บรรยากาศตรงนี้นี่นะ ใช้ได้ทุก ๆ อริ ยิ าบถ ขณะยนื ขณะเดนิ จงกรม ขณะนงั่ สมาธิ ขณะอยใู่ นอริ ยิ าบถยอ่ ย แมแ้ ตข่ ณะทเี่ รานอน ขณะทนี่ อน นอนอยู่ในบรรยากาศของความรู้สึกที่สงบ ที่สุข ที่เบา ที่โล่ง ที่สบาย อย่างใดอย่างหนึ่ง
ถ้าเรานอนอยู่ในบรรยากาศ ก่อนที่จะหลับแล้วเรารู้สึกว่า นอนอยู่ในบรรยากาศของความรู้สึกที่ เบา ๆ นอนอยู่ในบรรยากาศของความรู้สึกที่สงบ นอนอยู่ในบรรยากาศของความรู้สึกที่สุข ถ้าเป็นอย่าง นั้น เราจะเห็นว่าพอหลับตาลงแล้วนอน ตัวนอนอยู่ในบรรยากาศของความเบา ถ้าสังเกตที่รูป ก็จะมีอาการ มีสภาวะบางอย่างเกิดขึ้น สภาวะบางอย่างเกิดขึ้น แล้วสามารถกาหนดต่อไปได้จนกว่าจะหลับ หรือกาหนด ต่อไปแล้ว สภาวะยิ่งชัดขึ้นตื่นตัวมากขึ้น เลยนอนไม่หลับ แบบนี้ก็เป็น แบบนี้ก็มี
ทีนี้การที่เรากาหนดแบบนี้ เริ่มจากสภาพจิต เพราะสภาพจิตอย่างที่บอกแล้ว เป็นกาลังของสมาธิ บางทสี ภาพจติ วา่ ง ๆ เหมอื นไมม่ อี ะไร กค็ อื ตวั สภาพจติ เอง ไมม่ .ี ..ไมม่ อี าการ ไมม่ คี วามสงบ แตร่ สู้ กึ วา่ ง ๆ อย่างเดียว ก็คือตัวสภาพจิต แม้แต่รู้สึกกลวง ๆ รู้สึกโหวงเหวง ก็คือสภาพจิต เพราะอะไร สภาพจิตที่ไม่มี กาลัง รู้สึกกลวง ๆ โหวงเหวงไป นั่นคือลักษณะของสภาพจิต ทีนี้จะเติมเต็มได้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่ต้องทา จะต้องรู้ว่าเพราะสภาพจิตเป็นเรื่องปกติ ที่เกิดขึ้น ที่มีอยู่ ที่สามารถรู้สึกได้ตลอดเวลา เพราะตัวเขาเอง จิตดวงที่ทาหน้าที่รู้ รู้สึกอย่างไรก็อย่างนั้น นั่นคือลักษณะของสภาพจิต
ไม่ใช่ว่าเราเคยเห็นสภาพจิตที่ใส ที่สงบ ที่มีความสุข แล้วพอความสงบความสุขหายไป แล้วรู้สึก วา่ ไมม่ สี ภาพจติ ไมเ่ หน็ สภาพจติ อนั นนั้ ...ไมม่ ี เพราะธรรมชาตขิ องจติ จะทา หนา้ ทขี่ องตนเองและเปน็ อยา่ ง นั้นอยู่เสมอ รู้สึกล้า รู้สึกขุ่น รู้สึกมัว รู้สึกสลัว ก็คือตัวสภาพจิต สภาพจิตขุ่นมัว มีความสลัว มีความหนัก มีความอึดอัด รู้สึกไม่สบายกระสับกระส่าย เศร้าหมอง อันนั้นคือลักษณะของสภาพจิตฝ่ายอกุศล ซึ่งถ้า เป็นอย่างนั้น เราสามารถรู้สึกได้ไม่ยาก เพราะโดยปกติเราจะรู้สึกได้ง่าย ๆ เพราะรู้สึกเป็นอารมณ์ที่ไม่พึง ปรารถนา ถ้าเกิดขึ้นมาแบบนั้น ถ้าสภาพจิตแบบนั้นเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ เราจะรู้สึกทันทีว่า รู้สึกไม่ดี รู้สึก ไม่สบาย แต่การรู้สึกไม่สบายเป็นอะไร ก็เป็นความทุกข์ รู้สึกไม่ดี รู้สึกไม่สบาย รู้สึกกระสับกระส่าย รู้สึก ขัดเคือง อันนั้นคือสภาพจิต นั่นคือลักษณะของจิต