Page 183 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 183

703
ลองสงั เกตดวู า่ เสยี งทไี่ ดย้ นิ นนั้ ปรากฏแบบไหน เสยี งทไี่ ดย้ นิ ปรากฏแบบไหน ปรากฏอยใู่ นทวี่ า่ ง ๆ อยู่ที่ไกล ๆ เกิดตรงไหนดับตรงนั้น หรือวิ่งเข้ามาหารูป วิ่งเข้ามาหาเรา วิ่งเข้ามาหารูปอันนี้ นั่นคือ การ พิจารณาถึงสภาพจิตที่กาลังปรากฏอยู่ แล้วถ้าเป็นแบบนี้ ถามว่า สภาพจิตนี้ดีไหม มีประโยชน์ไหม อันนี้ คือ มี...เหลือแต่สภาพจิต ว่างจากอกุศล แล้วยังรับรู้อารมณ์ต่าง ๆ ได้ ว่างจากตัวตนว่างจากกิเลส ว่างตรง นี้จึงเป็นความว่างจากอัตตา ว่างจากกิเลส เหลือแต่สภาพจิตที่ทาหน้าที่รับรู้
จริง ๆ แล้ว ทาไมถึงบอกว่าว่าง คาว่าจิตว่างตรงนี้ จึงหมายความว่าว่างจากอัตตา แต่สามารถรับ รู้อารมณ์ได้ ว่างจากอัตตาก็ว่างจากความทุกข์ ความทุกข์ไม่เกิดขึ้น...ว่างจากอัตตา ทีนี้ปัญญาที่เกิดขึ้น ปัญญาอย่างหนึ่งคือปัญญาที่เรารู้ว่า ทาอย่างไรให้จิตว่างและไม่ทุกข์ อีกอย่างหนึ่งก็คือ การพิจารณาว่า ปัญญาที่จะเกิดขึ้น อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็คือว่า ปัญญาที่เข้าไปพิจารณา ถึงธรรมชาติของอารมณ์ที่ เกิดขึ้น ธรรมชาติของอารมณ์ที่เกิดขึ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เขาเป็นอยู่อย่างนั้น เป็นปกติ
พอใช้คาว่าเกิดขึ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทั้ง ๆ ที่อารมณ์ที่ปรากฏ กาลังปรากฏอยู่ในที่ว่าง ๆ เห็นไหม ทั้ง ๆ ที่ความรู้สึก ตามความรู้สึกของเรานี่นะ ตามความรู้สึกจริง ๆ กลับรู้สึกว่าเสียงเขาเกิดอยู่ ในที่ว่าง ๆ เกิดอยู่ท่ามกลางความว่าง ความเบา ความโปร่ง หรือความสงบ แต่พอพูดสื่อสารปุ๊บ อารมณ์ ที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จริง ๆ แล้ว ถ้าเป็นภาคปฏิบัติ จึงถามว่าถ้าเป็นภาคปฏิบัติ ถามว่า ได้ยินไหม เสียงนั้นเกิดอยู่ที่ไหน ตามความรู้สึกเลย เสียงนั้นปรากฏอยู่ที่ไหน ปรากฏอยู่ในที่ว่าง ๆ
ขณะที่เห็นภาพ...ปรากฏอยู่ที่ไหน อยู่ที่ตาหรืออยู่ในความว่างอันนั้น อยู่ในบรรยากาศของความ รู้สึกที่ว่าง ๆ หรือสงบ การที่เราสังเกตแบบนี้นี่ จึงกลายเป็นว่า ตา หู เป็นเพียงทวารที่อาศัยให้จิตเกิด ไม่ใช่ ทวาร...ใหอ้ ารมณน์ นั้ พงุ่ เขา้ มา เปน็ ทวารทที่ า ใหจ้ ติ เกดิ ขนึ้ มารบั รู้ สงั เกตดู พอไดย้ นิ เสยี ง จติ ไปรบั รตู้ รงนนั้ แล้วไม่ได้ดึงเอาอารมณ์นั้นเข้ามา พอจิตไปรับรู้ตรงนั้น แล้วดับตรงนั้นนี่
กลายเป็นว่า ถ้าเราเห็นจริง ๆ ลองดู ถ้าเสียงเกิดขึ้นในที่ว่าง แล้วความรู้สึก หรือจิตไปรับรู้เสียงที่ เกิดในที่ว่าง แล้วดับในที่ว่าง กับเห็นเสียงนั้นวิ่งเข้ามา แล้วมาดับที่หูหรือมาดับที่ตัว เขาต่างกันอย่างไร อัน ไหนให้ความรู้สึกสบายกว่า แบบไหนที่เป็นธรรมชาติ
แบบไหนที่ทาให้มีเวทนาเข้ามาถึงจิต เวทนาทางจิตเกิดได้ เพราะฉะนั้นการกระทบ ผัสสะที่ กระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย เข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ผัสสะเหล่านั้น จะ ปรากฏแบบในลกั ษณะอยา่ งนนั้ ตอ่ เมอื่ การทคี่ นเรานนั้ ไมส่ ามารถแยกรปู นามได้ ไมส่ ามารถทา จติ ใหก้ วา้ งได้ สังเกตดูนะ เมื่อไหร่ก็ตาม ที่จิตเราอยู่ที่ตัวอย่างเดียว อยู่ที่บริเวณรูปอย่างเดียว เสียงหรืออารมณ์ต่าง ๆ เขาจะพุ่งเข้ามาหาตัว แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่จิตนี้กว้าง ไม่มีขอบเขตออกไป เสียงจะเกิดตรงนั้นดับตรงนั้น...แต่ ชัดเจน
ถึงแม้เราจะใส่ใจ หรือโฟกัสไปที่เสียงที่อารมณ์นั้นก็ตาม ยิ่งเราโฟกัสไป รู้สึกรู้ชัดว่า ความรู้สึกไป รับรู้อารมณ์นั้นที่เกิดตรงนั้น และมีช่องว่างระหว่างรูปกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น อย่างที่บอกเมื่อกี้นี้ว่า ถ้าจิตเรา


































































































   181   182   183   184   185