Page 184 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 184
704
กวา้ งไปถงึ โนน้ ...นอกสา นกั แลว้ เสยี งทไี่ ดย้ นิ อยนู่ อกสา นกั เขาเกดิ แลว้ ดบั อยตู่ รงนนั้ ไหม ตรงนเี้ กดิ ทไี่ หน ดับที่นั่น แล้วรู้สึกเป็นอย่างไร เกิดที่ไหนดับที่นั่น
ไมใ่ ชเ่ กดิ ...ตรงนแี้ หละ การทเี่ หน็ ธรรมชาตขิ องอารมณป์ รากฏแบบนี้ ปรากฏแบบนที้ บี่ อกวา่ ประตู ทางตา หู ที่เป็นประตู ให้จิตเขาปล่อยออกมารับรู้อารมณ์นี่นะ มันกลายเป็นว่า เขาเรียกว่าเป็นทวาร ทวาร ทั้ง ๖ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นประตูให้ได้รับรู้อารมณ์ ที่ปรากฏนั้นได้ชัดเจนขึ้น แต่การที่จิตเรากว้าง แบบนี้ การรับรู้แบบนี้ ที่บอกว่าจิตเราดีอย่างไร คือสารวจดูจิต ทาแบบนี้แล้วดี ดีอย่างไร ดีไหม การที่บอก ตัวเองแบบนี้...สาคัญ ต้องบอกตัวเองให้ได้ ว่าเรากาลังทาอะไร ผลเป็นอย่างไร ทาอะไรผลเป็นอย่างไร ดี ไม่ดีอย่างไร
ทาแล้วไม่รู้เหตุไม่รู้ผล แล้วเราก็สักแต่ว่า...ทาไป โดยที่ไม่รู้ว่าทาแล้วได้อะไร เราก็ไม่รู้ว่าได้อะไร บ้าง กลับไปก็ยังงง ๆ แต่นี่ก็คือการดูจิตในจิต ทีนี้พอรู้เสร็จ สังเกตไหมว่า การที่เราใส่ใจแบบนี้ ใส่ใจ อาการ ใส่ใจอารมณ์ ที่ปรากฏอยู่ในที่ว่าง ๆ แต่ละครั้ง แต่ละขณะหรือแต่ละอารมณ์ ไม่ใช่แต่ละครั้งนะ ทุก ๆ อารมณ์ให้ปรากฏอยู่ในที่ว่าง ๆ แล้วรู้ทันที รู้สึกว่าเสียงเกิดอยู่ในที่ว่าง แล้วก็ดับ เห็นภาพอยู่ในที่ ว่างแล้วก็ดับ
การที่รู้ทันความรู้สึก ที่ไปรู้อารมณ์แล้วดับแต่ละขณะ ๆ ๆ นี่นะ พอย้อนกลับมาดูสภาพจิต พอ กลับมาดูสภาพจิตปุ๊บ จากที่ว่าง ๆ อยู่ รู้สึกเป็นอย่างไร ยังว่างเท่าเดิม หรือต่างจากเดิม ว่างเท่าเดิม หรือ ต่างจากเดิม อันนี้อย่างหนึ่งนะ การที่เรามีเจตนาที่จะกาหนดรู้แบบนี้ ซึ่งเป็นสิ่งสาคัญมาก ๆ เพราะนั่นคือ ธรรมชาติของอารมณ์ ธรรมชาติของจิตที่ทาหน้าที่รับรู้ เพราะฉะนั้น เวลาเราปฏิบัติธรรม บางครั้งจึงรู้สึก ว่า จิตไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มันจะวิ่งไปข้างนอกตลอดเวลา ทาไมไม่อยู่...เราก็พยายามดึงจิตมาที่ตัว เพื่อให้ อยู่กับที่ เพื่อให้อยู่กับที่ และให้อยู่กับตัว
แต่ตรงนั้นเป็นจุดเริ่มต้น เป็นการฝึกหัด เพื่อควบคุมจิตตัวเอง แต่ถ้าเรายกจิตให้กว้างได้แล้ว ไม่ จาเป็นต้องดึงกลับมา เห็นไหม ทาไมถึงไม่จาเป็นต้องดึงกลับมา เพราะว่าจิตเขากว้าง...ไปตรงไหนได้ แค่มี สติรู้ชัด รู้ชัด ลองดูสิ ไปถึงไหนก็รู้ชัดตรงนั้น รู้ชัดด้วยความรู้สึกที่...อารมณ์นั้นเกิดอยู่ในที่ว่างเบา ไปฟัง เสียงที่เกิดในที่ว่าง ๆ เบา ๆ ถามว่าเราดึงจิตเรามาที่ตัวไหม...เปล่าเลย ไปฟังเสียง ไปรับรู้เสียงที่เกิดอยู่ใน ที่ว่างแล้ว เสียงนั้นเกิดขึ้นแล้วดับไปปึ้บ จิตรู้สึกอย่างไร
วิ่งไปไกลแค่ไหนก็ตาม สังเกต...วิ่งไปรับรู้อารมณ์ไกลแค่ไหนก็ตาม แต่รู้สึกชัดถึงตัวความรู้สึก นี้...ไปรับรู้อารมณ์ที่ไกล ๆ นั้น ไปรับรู้เสร็จ เขาดับไปแล้ว สมมติ ไม่ใช่สมมติสิ รู้สึกไหมว่า พอรับรู้ดับ ไป แล้วจิตจะไปค้างอยู่ตรงนั้นไหม...กลับมาทันที...ปรากฏใหม่ ตรงนี้แหละไม่ต้องห่วง เพราะอย่างไรเขา ก็เป็นอย่างนั้น
ที่จะเพลินแล้วลืมรูป เพลินแล้วทิ้งตัวนี่นะ ทิ้งตัวแล้วคล้อยตามอารมณ์ จะไม่เห็นตัวจิตนี้ดับ ไป รับรู้แล้วไม่ดับ อิ่มอย่างเดียวคล้อยตามอย่างเดียว แล้วก็ไป ๆ ๆ ปรุงแต่งไปเรื่อย ๆ มารู้สึกตัวอีกที คือ