Page 185 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 185

705
ตอนที่อิ่มแล้ว อิ่มอะไร คือเสพอารมณ์นั้นจนอิ่มจนพอ อิ่มในที่นี้ไม่ว่าจะเบื่อ หรือสุข เขาเรียกเต็มกลืน ถ้าเป็นทุกข์ก็เต็มกลืน ถ้าเป็นสุขก็เพลิน...จน โอ! เดี๋ยวก็กลับมา เอ่อ!เหนื่อยแล้ว บางทีก็ตาม ๆ ไป แล้ว ก็เหนื่อย คล้อยตามไป แล้วก็กลับมารู้ตัว อ้าว!กลายเป็นว่า มารู้สึกตัวอีกที เอ่อ!เราไปไหนไม่รู้ ตอนนั้น กลายเป็นว่า ไม่มีสติ
แต่ถ้าการรับรู้แบบเมื่อกี้นี้ ที่บอกความรู้สึกไปรู้อารมณ์ที่ไกลมาก ๆ เลย รู้แล้วดับปึ๊บ รู้สึกตรงนี้ รสู้ กึ เปน็ อยา่ งไร มคี วามตนื่ ตวั ขนึ้ เหน็ เขาก.็ ..รแู้ ลว้ ดบั ปบ๊ึ ตรงนรี้ ปู นามอนั นี้ รสู้ กึ ทนั ที เพราะนคี่ อื ธรรมชาติ และสามารถที่รู้กว้างได้ด้วย ถึงแม้ไม่กลับมาดู แต่ก็ยังรู้สึกได้ รู้กว้าง รู้ให้กว้าง ๆ รู้สึกถึงอารมณ์ที่เกิด ขึ้น แต่ไม่จาเป็นต้องไปรู้อารมณ์ที่อยู่ไกลตลอดเวลา ทีนี้...คือคาว่า ไม่จาเป็น จริง ๆ แล้ว โดยธรรมชาติ อารมณ์ไม่ได้เกิดอยู่ไกลตัวตลอดเวลา
เพราะเขากลบั มาตรงน.ี้ ..อารมณท์ างกาย ลมหายใจชดั เขากต็ อ้ งมารลู้ มหายใจ อาการเมอื่ ยเกดิ ขนึ้ เขาก็ต้องมารู้อาการเมื่อย ความคิดเกิดขึ้นอีก เขาก็มารู้ความคิด ความคิดทุกครั้งนี่ โดยความเคยชินของ คนเรา เวลาคิด...ความคิด สมมติว่าเราคิดถึงบ้าน จิตเราก็ไม่ได้ไปอยู่ที่บ้านตลอดเวลา คิดจบมันก็ปรากฏ ใหม่ตรงนี้
แต่ถ้าเราใช้...มีเจตนา เรามีเจตนาในการรับรู้ เหมือนกับฟังเสียง เอาความรู้สึก...มีเจตนารู้ว่า ให้ จิตไปรับรู้ที่บ้าน ไปรู้ตรงนั้นแล้วดับ ให้กว้างกว่าบ้านกว้างกว่าอารมณ์ ตรงนี้จะมีช่องว่างระหว่างอารมณ์ ตรงนี้เห็นแล้วดับไป ดับไปรู้สึกว่าบ้านเกิดอยู่ที่โน้น แต่ถ้าโดยปกติ คิดปุ๊บมันปรากฏอยู่บริเวณใกล้ ๆ รูป หรือข้างในใจ อันนี้คือ ถ้าแยกรูปนามไม่ได้ ความคิดจะเกิดอยู่ที่รูป ที่ใจ ที่สมอง ทาให้เกิดความเคร่งตึง ความเคร่งตึงอาการเคร่งตึงต่าง ๆ เกิดขึ้นมา มีเวทนาเกิดขึ้น
ความเคร่งตึงอันนี้ หมายถึงว่า บางครั้งทั้งที่รูปและความรู้สึก ทั้งที่รูปและความรู้สึก เหมือนที่เรา คิดมาก ๆ เคร่งตึงไปหมด หน้าตาตึงไปหมด จิตรู้สึกหนักเคร่งตึง ไม่มีอาการไม่คล่องตัว ไม่คล่องแคล่ว ไม่ว่องไว อันนี้คืออย่างหนึ่ง แต่ถ้าเรามีเจตนา ที่ให้ความรู้สึกเรากว้างออกไป แล้วไปรับรู้ คิดถึงเรื่องนั้น ทาไม สังเกตนิดหนึ่งว่า การที่เห็นภาพอย่างเรามองภาพ พอเรามองอาจารย์ปึ๊บ อาจารย์...กับตา กับรูปของ เรามีช่องว่าง
แ ต เ่ ว ล า ค ดิ ข ณ ะ ท เี ่ ร า ค ดิ เ ช น่ เ ด ยี ว ก นั ม โ น ภ า พ ท เี ่ ก ดิ ข นึ ้ ม โ น ภ า พ ท เี ่ ก ดิ ข นึ ้ น นั ่ ค อื เ ห ม อื น เ ห น็ ด ว้ ย ต า เพียงแต่ว่ามโนภาพที่เกิดขึ้นกับ...อยู่ใกล้ตัวเกินไป ก็จะถูกครอบงาหรือรสชาติเขาครอบงา แต่ถ้ามโนภาพ นนั้ อยขู่ า้ งหนา้ มชี อ่ งวา่ งระหวา่ งตวั กบั มโนภาพ กบั ความคดิ ทเี่ กดิ ขนึ้ ลองดวู า่ รสู้ กึ อยา่ งไร ครอบงา ...ทา ให้ เกิดความหนัก อึดอัดไหม หรือเป็นผู้ดูเบา ๆ เพราะฉะนั้นตรงนี้ ที่เราคิดแล้วสามารถรับรู้ความคิด ความ รู้สึกเราเป็นคนละส่วนกับความคิด เพราะฉะนั้น ความคิดอยู่ที่สมอง อยู่ที่ใจ หรืออยู่ที่ว่าง ๆ นี่คือการรู้
เขาเรียกว่าความเป็นคนละส่วน ระหว่างจิตกับจิต จิตกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเราไม่มีเจตนา ถ้าเรา ปล่อยไปเรื่อย ๆ ถ้าเราสังเกตไปเรื่อย ๆ ต่อไปจะชัดขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าเรามีเจตนาที่จะกาหนดรู้ชัดแบบนี้


































































































   183   184   185   186   187