Page 198 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 198
718
จริง ๆ คือเขาเกิดแล้วเขาก็ดับ เพราะฉะนั้นอย่าทุกข์ ไม่ทุกข์ได้ไหม อย่ายึดได้ไหม ในเมื่อเขาไม่ เที่ยง บอกตัวเอง ช่างเถอะ ความทุกข์เกิดอย่าไปยึดเลย มันไม่เที่ยงหรอก เดี๋ยวมันก็ดับไป ๆ กลายเป็น เอ่อ!นะ เรารู้ถึงสัจธรรม เพราะความทุกข์ดับ...แต่เรื่องราวยังอยู่ เราควรดับความทุกข์ก่อน บางเรื่องใช้ เวลาหลายเดือน หลายปีกว่าที่จะดับ เรื่องนั้นเป็นเหตุให้ทุกข์ก็จริง แต่จริง ๆ แล้วเรารู้สึกเหมือนกับเรื่อง ราวทาให้เราทุกข์ แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่ใช่ ทาไมพระพุทธเจ้าถึงตรัสว่า ไม่ใช่เรื่องนั้นทาให้เราทุกข์ แล้วอะไรทาให้ทุกข์ อะไรนะ...จิตนะ
เออ่ ! จติ ทา ใหท้ กุ ข์ จติ ตวั ไหน...เพราะอวชิ ชาคอื ความไมร่ ู้ ไมร่ วู้ า่ เขาไมเ่ ทยี่ ง ไมร่ วู้ า่ เดยี๋ วเขากด็ บั ... เหมอื นรู้ แตไ่ มไ่ ดส้ นใจการเกดิ ดบั ของกฎไตรลกั ษณ์ และไมร่ วู้ า่ ความทกุ ขท์ เี่ กดิ ขนึ้ ...เพราะมเี รา ไมร่ วู้ า่ เขา เปน็ ธรรมชาตทิ มี่ ผี สั สะ กต็ อ้ งมเี วทนา แลว้ กม็ เี ราไปยดึ ไปแสดงความเปน็ เจา้ ของ แลว้ กท็ กุ ขข์ นึ้ มา สงั เกต ง่าย ๆ นะ ลองพิสูจน์ดูว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เอาความรู้สึกว่าเป็นเรามาใส่ที่ตัว เอาความรู้สึกว่าเป็นเรามาใส่ ที่ตัว ลองดูว่าตัวเป็นอย่างไร หนักหรือเบา ทั้ง ๆ ที่ยังไม่โกรธอะไรเลยก็หนักแล้วนะ ยังไม่มีอะไรเลยก็ หนักแล้ว แค่มีความรู้สึกว่าเป็นเรา รูปนี้ก็หนัก
ลองเอาความรสู้ กึ วา่ เปน็ เราออกไปไกล ๆ สิ รสู้ กึ เปน็ อยา่ งไร เบาทนั ท.ี ..เหน็ ไหม นคี่ อื อะไร ละอตั ตา แค่เอาความรู้สึกว่าเป็นเราออกจากตัว ไม่มีรูปร่างเลย...ความรู้สึกว่าเป็นเรา นี่คืออะไร นี่คือทิฎฐิของเรา ความเข้าใจ ความคิดว่าเป็นตัวเรา ความเข้าใจว่าเป็นของเรา พอเอาความรู้สึกว่าเป็นเราออก เขาเบาเขาโล่ง ทาไมถึงโล่งได้...เห็นไหม ทั้ง ๆ ที่ความเป็นเราไม่มีรูปร่างด้วยซ้า ทาไมถึงหนัก เคยสังเกตไหม แค่มีเรา ไม่มีรูปร่างไม่ได้แบกก้อนหินอะไรเลย แต่หนักอึ้งขึ้นมา แปลกมากเลย ยังไม่เป็นอกุศลด้วยนะ ยังไม่ได้ เรียกว่ามีโลภะ โทสะเข้ามาด้วย แต่มีโมหะแล้วไง คือความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเรา
เพราะฉะนั้นการแยกรูปนาม ที่ให้สังเกต แยกกายแยกจิต เห็นความไม่มีเรา จึงถามว่า สภาวธรรม อันนี้บอกอะไรกับเรา บอกอะไร กาลังประกาศอะไร ผลถึงเป็นแบบนี้ นี่แหละที่เราควรพิจารณาธรรม พิจารณาสภาวธรรมที่กาลังปรากฏเกิดขึ้นมา ทีนี้แค่กฎไตรลักษณ์ตรงนี้ จริง ๆ แล้ว ทุก ๆ อารมณ์ ความ คิดก็ไม่เที่ยง ความทุกข์ก็ไม่เที่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เรารู้ถึงทุกขลักษณะ คือการเกิดขึ้นตั้งอยู่ ดับไป...ความคิดนี่นะ
เวลาความคดิ มาเยอะ ๆ ถา้ ไมพ่ รอ้ มทจี่ ะคดิ ไมพ่ รอ้ มทจี่ ะคดิ ไมอ่ ยากทจี่ ะคดิ นงั่ ยกจติ ขนึ้ สคู่ วาม ว่าง นั่งดูเฉย ๆ ดูการเกิดการดับของความคิด แยกจิตออกมาปล่อยเขาคิดแล้วก็ดับไป ๆ ดูเปลี่ยนไป ดับ บ้าง ไม่ดับบ้าง ไม่เป็นไร แต่ก็เปลี่ยนไปโดยที่เราไม่ต้องคลุก ไม่ต้องคลุกมาก ดูจิตตัวเองก่อนแป๊บหนึ่ง ๆ หลาย ๆ แป๊บก็ได้ เผื่อจะได้แบบสบายขึ้น แล้วไปรู้ต่อ ใช้งานต่อ อันนี้คือการรู้ ตรงนี้เขาเรียกว่า สัญญา ขันธ์หรือสังขารขันธ์
แม้แต่การปรุงแต่งของเรา เราคิดจะสร้างโน่นสร้างนี่ เดี๋ยวถึงเวลาปัจจัยไม่พร้อม เอาไว้ก่อนหยุด ไว้ก่อน มันก็เป็นอย่างนั้น คือวางก่อนหยุดก่อน...ไม่เป็นไร นี่คือความเปลี่ยนแปลง เห็นไหม สังขารก็ไม่ใช่ ว่าต้องเป็นอย่างนั้นตลอดเวลา นี่คือสภาวะ คือความไม่เที่ยงความเปลี่ยนแปลง ทีนี้อาการเหล่านี้นี่แหละ