Page 197 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 197

717
เพราะความคิดจะมีประโยชน์กับชีวิตของเรา เรื่องที่เกิดขึ้น ความคิดที่เกิดขึ้น เพื่อสอนให้เราได้ ศกึ ษาเรยี นรู้ ทา ความเขา้ ใจเรอื่ งทเี่ กดิ ขนึ้ ถา้ เราตอ้ งใชป้ ระโยชน์ ตอ้ งใชอ้ ยแู่ ลว้ ในชวี ติ ถา้ เราไมค่ ดิ แยน่ ะ ๆ ปัญหาจะตามมาอีกมากมาย ทาตามใจอย่างเดียว...ไม่ได้ เราต้องคิด เพราะฉะนั้นวิธีก็คือว่า ทาอย่างไร ความคิดนั้นไม่บีบคั้นจิตใจทาให้เกิดทุกข์ ก็ด้วยการทาจิตของเราให้ใหญ่กว่าเรื่องท่ีคิด การที่ทาจิตให้ กว้าง ก็กลายเป็นว่าเป็นการรับรู้ด้วยความรู้สึกที่ไม่มีตัวตน มีแต่สติ จิตที่ว่าง ทาหน้าที่รับรู้ ลองดูปล่อย ให้กว้าง ๆ แล้วก็...ถ้าคิดแล้วว่าง แล้วเขาหายไป คิดไม่ออกไม่ต้องพยายามนะ เอ่อ!มันว่างแล้ว ความคิด หายไปเลยคิดไม่ออก...ดีแล้ว เพียงแต่ว่าถ้าคิดเมื่อไหร่ก็ใช้แบบนี้ ทาแบบนี้บ่อย ๆ และใช้งานบ่อย ๆ ลอง ดูสิว่า การที่เห็นความจริงแบบนี้ จิตใจเป็นอย่างไร
คาถามก็คือว่า พอเห็นความจริง จิตที่ทาหน้าที่รู้กับเรื่องที่คิดเป็นคนละส่วน เห็น ๒ ขันธ์นี้แยก จากกัน ตรงนี้เขาเรียกแยกจิตกับจิต แยกนามกับนาม พอเห็นเป็นคนละส่วนกัน จิตใจรู้สึก ทุกข์ ไม่ทุกข์...ไม่ทุกข์นะ แยกเมื่อไหร่ก็...จากที่มันหนัก ๆ อยู่ มันก็เบาไปว่างไป สังเกตไหมว่า กลายเป็นวิธี ดับทุกข์โดยปริยาย กลายเป็นการดับทุกข์โดยปริยายเช่นเดียวกัน พอทาจิตให้กว้างขึ้น นี่คือผลที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ทาไมต้องสังเกตถึงความเป็นคนละส่วน รู้ใหม่ มันเหมือน...แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ไปเกาะใหม่ กร็ ู้ ถอยมาใหม่ ทา ใหก้ วา้ งใหม่ แปบ๊ เดยี วไปเกาะใหม่ เรากท็ า ใหม.่ ..ใหก้ วา้ ง ดจู ติ อยา่ งนี้ พอขยายออกกวา้ ง แล้วมาดูจิตที่กว้างเอง ไม่ต้องไปกังวลกับความคิด ให้ดูจิตที่กว้าง ๆ ๆ ๆ ไปก่อน จนเขามีกาลัง พอมีกาลัง เสร็จ เอาจิตตรงนี้เข้าไปรับรู้...สลับกัน ดูตัวเองก่อน ให้มีกาลัง มีความตั้งมั่น แล้วเอาไปใช้งาน
ตอนทเี่ รายงั ออ่ นแอ อยา่ เพงิ่ ไปคลกุ คลกี บั ความคดิ อนั นนั้ เยอะเกนิ ไป ถา้ กา ลงั เราออ่ น การทขี่ ยาย ให้กว้างแล้วนิ่ง ดูจิตของเราก่อน...แป๊บเดียว ไม่กี่อึดใจหรอก จิตก็จะมีกาลังมากขึ้น นี่คือการสังเกต แล้ว อีกอย่างหนึ่งก็คือว่า ที่อาจารย์ถามเสมอ...เวลาสอบอารมณ์ เกิดแล้วดับอย่างไร เขาดับอย่างไร ๆ ๆ ที่ถาม ซ้า ๆ เพราะอะไร เพราะอยากให้เราเห็นถึงกฎไตรลักษณ์ เขาเรียกทุกขลักษณะให้บ่อย ๆ เพราะเมื่อไหร่ ที่เห็นบ่อย เห็นบ่อยมากเท่าไหร่ จิตจะคลายเร็วเท่านั้น เมื่อไหร่ก็ตาม พออารมณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมา ถึงแม้ ไม่อยู่ในกรรมฐาน เวลาผัสสะทางตาหูจมูกลิ้นกายใจเกิดขึ้นมา พอกระทบปุ๊บ รู้สึกมีเวทนาทางใจเกิดขึ้น จิตจะพุ่งไปปุ๊บ จะไปรู้ว่าเขาดับอย่างไร คือจะไม่เข้าไปยึด
โดยปกติแล้วพอกระทบมีผัสสะขึ้นมา มีเวทนาขึ้นมา จะยึดเป็นของเรา ฉันทุกข์ ฉันไม่ชอบ ฉันไม่ สบายใจ...ทนั ที แตต่ อ่ ไปพอจติ เขามปี ญั ญาขนึ้ มา พอกระทบขนึ้ มารสู้ กึ วา่ รสู้ กึ ไมด่ แี ลว้ ดบั อยา่ งไร รสู้ กึ ไม่ สบายใจแล้วเขาดับอย่างไร จิตจะไปรู้ถึงธรรมชาติ ถึงกฎไตรลักษณ์ ไปรู้สัจธรรมตรงนี้ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น เพราะฉะนั้น เขาจะกลายเป็นว่าความเคยชินที่จะรู้ถึงสัจธรรม รู้ถึงการดับ รู้ถึงการหมดไป แทนที่จะไปยึด เอาไว้ ตรงนแี้ หละคอื การรถู้ งึ ทกุ ขลกั ษณะ แตไ่ มใ่ ชท่ กุ ขเวทนาทางจติ ไมใ่ ชท่ กุ ขเวทนาทางกาย แตไ่ มว่ า่ จะ เป็นทุกขเวทนาทางกาย หรือทุกขเวทนาทางจิต ทุกข์นั้น...เที่ยงหรือไม่เที่ยง ทุกข์ก็ไม่เที่ยงใช่ไหม เราทุกข์ ตอนเย็น ๆ บ้าง ทุกข์ตอนเช้าบ้าง (...เสียงโยคีหัวเราะ) เอ่อ!โดยเฉพาะตอนเย็น ๆ แบกอะไรมาก็ไม่รู้...


































































































   195   196   197   198   199