Page 195 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 195

715
ตรงนี้คือเป็นของหยาบนะ ไม่ต้องรอถึงวันตาย แต่ลักษณะของรูปที่มีการเปลี่ยนไปแต่ละวัน ๆ แต่ละ เดือน แต่ละปี ถ้าไม่เปลี่ยน เราไม่โตหรอก...ใช่ไหม เอ่อ!ถ้าไม่เปลี่ยนเราก็ไม่โต ถ้าโตแล้ว ถ้าไม่เปลี่ยนก็ คงจะไม่แก่...ใช่ไหม เอ่อ!พอเราพูดถึงแก่ มันรู้สึกแบบ...นี่คือความเสื่อม ความเปลี่ยนแปลง แล้วอะไรที่ เป็นของเที่ยง นี่!เรียกว่าเกิดแล้วดับไป เกิดขึ้นต้ังอยู่ดับไป แต่ความเปลี่ยนแปลงของรูปหยาบอันนี้ ทบี่ อกวา่ รา่ งกายของเรา เสน้ ผมของเรา กวา่ ทเี่ ราจะเขา้ ใจได้ บางคนตลอดชวี ติ ยงั ไมเ่ ขา้ ใจถงึ กฎไตรลกั ษณ์ ถึงธรรมชาติของการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเลย
เพราะฉะนั้นเวลาปฏิบัติธรรม ท่านจึงให้พิจารณาอาการทางกาย อาการของรูปที่เป็นรูปละเอียด ที่ ละเอยี ดมากขนึ้ กค็ อื เรมิ่ จากอาการของลมหายใจ อาการพองยบุ อาการเตน้ ของหวั ใจ สงั เกตไหมวา่ พอเรา กาหนดรู้แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตามรู้อาการเกิดดับตรงนี้ เดี๋ยวก็มีแล้วหมด มีแล้วหมด มีแล้วหมด พออาการ ทางการเกิดขึ้นมา สังเกตอาการเต้นของหัวใจตุบ ๆ ๆ ๆ คือเกิดดับ วู๊บหาย ๆ ๆ ตามแขน ตามขา ตามตัว ทางศรี ษะ แลว้ วบู๊ ...ตรงนนั้ หาย ตรงนหี้ าย พอสตมิ กี า ลงั มากขนึ้ อกี มปี ญั ญามากขนึ้ จติ เรมิ่ คลายอปุ าทาน อย่างที่เราเล่าสภาวะกันว่า ตัวก็หายไป มือก็ลอย ๆ มือจางหายไป แขนหายไป ตัวหายไป ขาหายไป เหลือ อะไร เหลือความว่างเปล่า กลายเป็นรูปนี้เป็นของว่างเปล่า ยิ่งประกาศตัวเองชัดไปอีกว่า นี่คือสุญญตา เป็นอารมณ์ที่เป็นรูปนาม ที่ไม่มีแก่นสารสาระที่จะยึดให้เป็นสรณะตลอดไปได้ เป็นอาการที่เราอาศัยอยู่ ช่วงหนึ่งของชีวิต ในชั่วชีวิตหนึ่งที่ต้องอาศัย
สงั เกตไหมวา่ ทบี่ อกวา่ ทา ไมจติ เขาแยกจากกาย เขาจงึ เปลยี่ นไปตรงนนั้ ตรงนี้ ไปอยตู่ รงนนั้ ตรงนี้ เพราะเขาเป็นคนละส่วนกัน แต่รูปนามกายใจของเรานี่นะ เกิดจากวิบาก เกิดจากกรรม เกิดจากบุญกุศล ในอดีตที่เราสร้างขึ้นมาแล้ว มีจิตกับกายและอาศัยกันเกิดขึ้นมา แล้วก็เปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัย แต่ทีนี้ ถ้าเราอยากจะออกจากทุกข์ เพื่อไม่ให้ทุกข์กับวัฏฏะ การเวียนว่าย ความเปลี่ยนไปของรูปนามขันธ์ ๕ จึงต้องพิจารณาถึงความจริงแบบนี้ และสิ่งเหล่านี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วว่า รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง ส ญั ญ า ไ ม เ่ ท ยี ่ ง ส งั ข า ร ไ ม เ่ ท ยี ่ ง ว ญิ ญ า ณ ไ ม เ่ ท ยี ่ ง ร ปู เ ป น็ ท กุ ข ์ เ ว ท น า ก เ็ ป น็ ท กุ ข ์ ส ญั ญ า ก เ็ ป น็ ท กุ ข ์ ส งั ข า ร เ ป น็ ทุกข์ วิญญาณเป็นทุกข์ รูปเป็นอนัตตา เวทนาเป็นอนัตตา สัญญาเป็นอนัตตา สังขารเป็นอนัตตา วิญญาณ ก็เป็นอนัตตา
แต่คาว่าทุกข์ตรงนี้แหละ ที่เรา...บางครั้งเราไม่สนใจ ถ้าไม่ทุกขเวทนาเรารู้สึกว่ามันไม่ทุกข์ แต่การ ที่รู้ถึงทุกขลักษณะ คืออาการเกิดดับนี่นะ จะทาให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง คือทุกขลักษณะนี่ต้อง ใส่ใจเยอะ ๆ ยิ่งเห็นทุกข์แล้วจะเห็นธรรม คือสัจธรรมที่จิตจะคลายจากอุปาทาน เพราะเราไม่เห็นถึง ทุกขลักษณะนี้ เห็นแต่ทุกขเวทนา ทุกขเวทนามีความไม่สบายใจ ไม่สบายกาย แล้วก็บอกว่าทุกข์มากเลย แต่ทุกขลักษณะไม่ได้ใส่ใจ เราก็รู้แต่รู้ว่าทุกข์ แต่ก็ยังทุกข์อยู่ เพราะฉะนั้นรู้ว่าทุกข์เห็นทุกข์เกิดขึ้น แต่ก็ ยังทุกข์อยู่ เพราะไม่ได้สนใจถึงทุกขลักษณะ
เพราะฉะนนั้ หลกั ของวปิ สั สนากรรมฐาน ทา่ นจงึ ใหพ้ จิ ารณาถงึ ทกุ ขลกั ษณะ คอื เกดิ ขนึ้ ตงั้ อยดู่ บั ไป เกิดขึ้นตั้งอยู่ดบั ไป เริ่มจากอาการทางกาย อารมณ์ภายใน...ที่เขาเปลี่ยนตลอดเวลา มีลมหายใจบ้าง มีพอง


































































































   193   194   195   196   197