Page 215 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 215

735
และการทเี่ ราประคองจติ อ ยา่ งทบี่ อกตอนแรกวา่ การทเี่ รามคี วามพอใจทจี่ ะดสู ภาพจติ มบี รรยากาศ สร้างบรรยากาศตัวเอง ดูจะเคลื่อนไหว จะหยิบ จะจับ เคลื่อนไหวอยู่ในบรรยากาศ ที่มีบรรยากาศรองรับ อย่างต่อเนื่อง ตรงนี้การที่หมั่นดูบ่อย ๆ เขาเรียกความเพียร ขยัน ขยันที่จะดูจิตตัวเองบ่อย ๆ ดูแล้วดูซ้า แปบ๊ เดยี ว ๆ นดิ หนงึ่ ๆ คอยสงั เกตจติ ตวั เองเรอื่ ย ๆ บางคนรสู้ กึ วา่ เราไมไ่ ดเ้ จาะสภาวะ เรยี กวา่ ปฏบิ ตั ไิ หม พอทาไปแล้วสังเกตสภาพจิตนิดหนึ่ง ๆ เมื่อไหร่ที่มีเจตนาท่ีจะกาหนดรู้ การที่สังเกตจิต คือการกาหนด รู้จิต ดูสภาพจิตของตน
เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่กลับมารู้ นั่นคือการปฏิบัติ คือการกาหนดรู้จิต เพียงแต่รู้เป็นระยะ ๆ สังเกตไหมว่า ถ้าเราทาแบบนี้ รู้เป็นระยะ ขณะ ๆ อยู่เรื่อย ๆ นี่นะ จิตมีความตั้งมั่นหรือชัดขึ้น และทาอยู่ เรื่อย ๆ สติจะดีขึ้นเรื่อย ๆ จะไวขึ้นมากขึ้น นั่นคือการปฏิบัติ สังเกตไหม ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ต้องมีพิธี ไม่ต้อง มีรูปแบบ เมื่อไหร่ที่เรารู้สึก...ได้ตลอดเวลา
เพราะฉะนนั้ อริ ยิ าบถยอ่ ย เราสามารถสงั เกตไดท้ นั ที ดจู ติ ดจู ติ วา่ สงบ ดจู ติ วา่ เบา ดจู ติ วา่ วา่ ง แลว้ สังเกตว่า พอมีผัสสะขึ้นมา เขาดับอย่างไร ต่อไปเกิดดับอย่างไร กระทบแล้วนะดับอย่างไร กระทบแล้วนะ หายแบบไหน ตรงนี้มีเจตนา ตรงนี้กลายเป็นการปฏิบัติ...การกาหนดอารมณ์ไปในตัว ตรงนี้ ทาแบบนี้ สติ มีความต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ก็การปฏิบัติเรา แล้วจะรู้ว่า แล้วจะเห็นว่า รู้สึกตัวเองปฏิบัติตลอดเวลา ไม่มีช่อง ว่าง ไม่มีช่วงไหนที่ไม่เจริญสติ ไม่มีตอนไหนที่ไม่เจริญสติ เห็นไหม คือการเจริญสติ ใช้สติอยู่ตลอดเวลา แล้วก็มีเจตนาที่จะรู้ให้ชัดมากขึ้น
ตรงที่เจตนาที่จะรู้ให้ชัดมากขึ้นนี่แหละ เป็นการเพิ่มกาลังของสติ สมาธิ และปัญญา เพราะทุกครั้ง ท เี ่ ร า พ ย า ย า ม ส งั เ ก ต ต งั ้ ใ จ ท จี ่ ะ ร ว้ ู า่ อ ะ ไ ร . . . ใ ห ช้ ดั ต ร ง น อี ้ ย า่ ค ดิ ว า่ ไ ม ส่ า ค ญั ก า ร ท เี ่ ร า ม เี จ ต น า ห ร อื ใ ส ใ่ จ ต งั ้ ใ จ ที่จะรู้ให้ชัด...แต่ละครั้ง เป็นการเพิ่มกาลังของสติ เป็นการเพิ่มกาลังของสมาธิ เป็นการเพิ่มกาลังจิตเรา สติ สมาธิปัญญา ปัญญาก็จะเกิดขึ้น เมื่อมีเจตนาที่จะรู้ชัด ๆ เจตนาซ้าแล้วใส่ใจ เป็นขณะทุกครั้งที่จะดู ที่มี เจตนาที่จะรู้ให้ชัด แล้วสติจะมีกาลังมากขึ้น สมาธิมีกาลังมากขึ้น อาการเกิดดับของอารมณ์นั้น ๆ ก็จะชัด มากขึ้น จะชัดมากขึ้นด้วย นี่คือการพัฒนาสติ สมาธิ ปัญญา ของเราไปในตัว นี่คือการเดินทาง
นั่นคือวิธีการเดินทางไปสู่เป้าหมาย คือการดับทุกข์ เพราะอะไร การที่ใส่ใจอาการพระไตรลักษณ์ อาการเกิดดับแบบนี้ อาการเกิดดับของรูปนาม อย่างที่เราสวดเมื่อกี้นี้ ภารา หะเว ปัญจักขันธา ขันธ์ทั้ง ๕ เป็นของหนัก ทาไมถึงเป็นของหนัก จริง ๆ ขันธ์ทั้ง ๕ ก็เป็นปกติ อย่างที่ตรงนี้ พอเราไม่มีตัวตนปุ๊บ ขันธ์ ๕ นี้หนักไหม พอไม่มีตัวตน ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นเราอย่างเดียว ขันธ์ ๕ ยังทาหน้าที่อยู่ แต่ไม่หนัก พอมี ปัญญาเกิดขึ้นมา เห็นถึงความไม่มีตัวตน ขันธ์ ๕ ไม่ใช่ของหนัก แต่พอมีตัวตนขึ้นมา ปัญหาตามมา ขันธ์ ๕ ก็เป็นของหนัก
เพราะไปยึดอะไร รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อย่างใดอย่างหนึ่ง ว่าเป็นของเรา เป็นเรา เป็นเราเป็นเขา เกิดขึ้นมา ความหนักก็เกิดขึ้นมา ความหนักนี่นะ ยังไม่ถึงกับเครียดนะ ยังไม่ถึงกับทุกข์ หรอก แต่รู้สึกว่าเขามีน้าหนัก เหมือนเป็นอะไร เหมือนเป็นน้าหนักมีอะไรสักอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นเวลา


































































































   213   214   215   216   217