Page 213 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 213
733
ตัวตน ลองดูว่ารู้สึกอย่างไร ไม่ห้ามสิ่งนั้นเกิด ไม่ห้ามสิ่งนี้เกิด แต่ไม่เข้าไปยึดสิ่งนั้นสิ่งนี้ สิ่งที่ต้องห้ามคือ อกุศลจิตของตนเอง อกุศลจิตต้องดับให้เร็ว เพราะอกุศลจิตที่พอกพูนขึ้นไปเรื่อย ๆ สั่งสมไปเรื่อย ๆ นั่น เป็นเหตุแห่งทุกข์ นั่นเป็นเส้นทางไปสู่อบาย ไปสู่ความเร่าร้อน ไปสู่นรก
เพราะฉะนั้นการทเี่รายกจติขนึ้สคู่วามวา่งดบัความรสู้กึวา่เปน็เราทาจติใหว้่างให้กวา้งเดยี๋วเขาก็ ยกจิตได้แล้ว พอยกจิตได้ปุ๊บ...เพิ่มกาลัง อย่างที่บอกแล้ว เพิ่มความนิ่ง แล้วรู้ให้ชัด การเพิ่มความนิ่ง นิ่ง เพอื่ เพมิ่ กา ลงั ของสมาธสิ ติ สตสิ มาธมิ กี า ลงั มากขนึ้ ปญั ญาทเี่ คยเกดิ ขนึ้ แลว้ ปญั ญาทเี่ คยเกดิ ขนึ้ แลว้ ...เคย เห็นว่า จิตที่ใสมีกาลังอย่างไร มีพลังแค่ไหน ตรงนั้นก็จะปรากฏขึ้นมา ก็จะทาหน้าที่ของเขา ตรงนี้จะทาให้ ยกจิตได้เร็ว แล้วประคองติดต่อไป
ที่บอกว่ากลับมารู้ปัจจุบัน กลับมารู้สัจธรรมที่อยู่กับปัจจุบัน รู้อะไร ดูจิตที่สงบแล้ว ที่เบาแล้ว ที่ ใส่แล้ว ที่ไม่มีตัวตน ตรงนี้ เข้าดูจิตในจิตที่ดีแล้ว เพื่อที่จะรู้การเปลี่ยนแปลงนั้นต่อไป การที่เข้าไปรู้จิตที่ เบาแล้ว สงบแล้ว ใสแล้วนี่นะ จากอารมณ์...จากที่ตกลงไป ถึงแม้เบาขึ้นแล้ว บางครั้งยังมีเศษอารมณ์ ยัง มีเศษอารมณ์ ความรู้สึกที่ไม่ดีเจืออยู่ เหมือนกับซ่อนอยู่ข้างใน แต่เข้าไปดูจิตที่ดีขึ้นแล้ว ยิ่งเข้าไป ยิ่งนิ่ง ยิ่งเข้าไปแล้วจิตมีความใสขึ้น มีความตั้งมั่นขึ้น มีกาลังมากขึ้น นั่นคือการชาระจิต
การล้างจิตใจให้มีความผ่องใสขึ้น กว้างขึ้น สะอาดขึ้น ตรงนี้กลายเป็นการดูจิตในจิต ดูความ เปลี่ยนแปลงของจิต และการรู้ความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ สังเกตไหม จิตเราสะอาดได้อย่างไร คาถามที่ อาจารยถ์ ามวา่ จติ เราสะอาดไดอ้ ยา่ งไร สวา่ งไดอ้ ยา่ งไร กด็ ว้ ยการเขา้ ไปรู้ ถงึ การเปลยี่ นแปลงของจติ เพราะ ยิ่งเข้าไปรู้ อะไรเพิ่มขึ้น ปัญญาจะมีความละเอียดและแยบคายขึ้น นอกจากปัญญาละเอียดแยบคายขึ้น สตสิ มั ปชญั ญะจะมกี า ลงั มากขนึ้ สมาธมิ คี วามตงั้ มนั่ ขนึ้ สตสิ มาธปิ ญั ญารวมกนั แลว้ เขาเรยี กวา่ มรรคสมงั คี
เสน้ ทางมรรคสมงั คี สติ สมาธิ ปญั ญาปปุ๊ อาการพระไตรลกั ษณย์ งิ่ ชดั พอยงิ่ เหน็ การเปลยี่ น นนั่ คอื การเดินทางไปข้างหน้าเรื่อย ๆ เดินทางไปในธรรม เดินทางไปในธรรม คือสภาวธรรมที่มีการเปลี่ยนแปลง ตัวจิตที่เปลี่ยนไป คือจิตที่ดีขึ้น พัฒนาขึ้น จิตที่ดีที่สะอาดขึ้นนี่แหละ อย่างที่บอกว่า ถามว่าถ้าจิตเราเบาขึ้น สะอาดขนึ้ ใสขนึ้ อารมณน์ นั้ ไมก่ ระทบ ลองพจิ ารณาดวู า่ คดิ วา่ อยา่ งไร เรามองในแงข่ องธรรมะ มองในแงข่ อง ธรรมะของธรรมชาติ เราจะเห็นว่า รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์นั้น เกิดขึ้นอย่างนั้น เป็นเรื่องปกติ
เขาเกิดอยู่ในที่ว่าง ๆ ถ้าไม่ว่างเขาก็เกิดไม่ได้ อารมณ์ต่าง ๆ เขาแย่งกันเกิดได้ยาก เพราะจิตรับ รู้ทีละอารมณ์ ทีละขณะ รับรู้ทีละอารมณ์ เขาเกิดดับตลอดเวลา ตรงนี้แหละ เป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติควรใส่ใจ พิจารณาให้แยบคาย เขาเรียกว่า ธัมมวิจยะ คือการสอดส่องธรรม สังเกตดูว่า สภาวธรรมที่เกิดขึ้น บาง ครั้งเรื่องเดิม ๆ นี่แหละ เราคิดอย่างไรก็ยังวน ๆ แต่พอจิตมีความผ่องใสขึ้น จิตสงบขึ้น จิตตั้งมั่นขึ้น มุม มองของเรื่องราวนั้นเปลี่ยนไป
จติ ยงิ่ วา่ งมากขนึ้ ยงิ่ ไมม่ ตี วั ตน มมุ มองของเรอื่ งเหลา่ นนั้ ตา่ งไป เหน็ ...เขา้ ใจขนึ้ ชดั ขนึ้ แสดงวา่ สงิ่ ที่จะทาให้เราชัดขึ้น คือการชาระจิตของเรา ให้ว่างให้สะอาดขึ้น ทาให้เข้าใจอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นชัดขึ้น