Page 211 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 211

731
ตรงกบั สภาพจติ ตวั เองนดิ หนงึ่ ใหต้ รงกบั สภาพจติ เรา เพอื่ รกั ษาจติ ทดี่ แี ลว้ ใหม้ กี า ลงั มากขนึ้ บางครงั้ จติ ที่ ดีมีความผ่องใส มีความสงบ มีเมตตา แต่ว่าเจตนา หรือวจีกรรม ไม่ตรงกับลักษณะของสภาพจิต พอพูด ไปแล้ว อ้าว!ที่ใสอยู่หดเลย
คือพูดไปแล้ว ที่ใสอยู่ตก จิตตก เพราะไปกระทบ ไปกระทบอารมณ์ภายนอก ทาให้อารมณ์...พอ พูดใส่ดอกไม้ปุ๊บ ดอกไม้เหี่ยวเฉา เราก็เหี่ยวไปด้วย หายใจใส่ดอกไม้เหี่ยวไปเลย แสดงว่าลมหายใจร้อน มาก...ข้างใน ทั้ง ๆ ที่สภาพจิตดี แต่คาพูดกิริยา...จริง ๆ แล้ว ที่พูดอย่างนี้ หมายถึงว่า อย่างจิตที่มีความ สุข การที่จะรักษาจิตที่ดีอยู่ไว้นี่นะ ตรงนี้เป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่ง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
มโนกรรมยังไม่เกิด นี่คืออาจเป็นลักษณะของสภาพจิต มโนกรรมเกิดขึ้น คือกระทาทางจิต คือ ความคดิ การปรงุ แตง่ นนั่ คอื เปน็ เจตนาปรงุ แตง่ แลว้ มเี จตนาทจี่ ะกระทา ดว้ ยจติ ประเภทไหน อนั นนั้ เขาเรยี ก เปน็ มโนกรรม แตถ่ า้ ยงั ไมท่ า อะไร แคค่ ดิ เฉย ๆ กเ็ ปน็ แค.่ ..เปน็ ความคดิ เปน็ สงั ขาร เปน็ ตวั สญั ญา ตวั สงั ขาร ที่กาลังเกิดขึ้น เปลี่ยนไป วิเคราะห์อยู่ แต่ถ้ามีเจตนาที่จะกระทาลงไปปุ๊บนี่นะ กลายเป็นมโนกรรมเกิดขึ้น
ตรงนี้แหละ พอมีมโนกรรมเกิดขึ้น เป็นอย่างไร กลายเป็นอันนี้ ผลตามมา ผู้ทาก็จะรู้ว่า จากที่จิต ใสอยู่แล้วเป็นอย่างไร แต่ที่พูดคือว่า ถ้าจิตเราเป็นกุศล มีเมตตา ลองดูว่า เปลี่ยนให้วจีกรรมให้ตรงกับ ลักษณะของจิต จิตที่บริสุทธิ์ จิตที่ผ่องใส จิตที่สงบ พอจิตที่มีความสุข มีเมตตาเกิดขึ้นมา ลองดูว่า ถ้า เราพูดด้วยความรู้สึก พูดด้วยความรู้สึกที่มีเมตตา คือจิตที่นุ่มนวล จิตที่อ่อนโยนจริง ๆ จิตที่มีความสุขมี เมตตาจริง ๆ ลองดูว่าคาพูดจะเป็นอย่างไร
ตรงนี้ท่านแม่ครูให้บอกว่า เวลาเราจะพูด การรักษาจิตที่ดีแล้วนี่นะ เวลาจะพูด ให้จิตที่ดีห่อหุ้ม คาพูด ห่อหุ้มคาพูดแต่ละคา ตอนแรกไม่เข้าใจหรอก เราก็รู้สึกพยายามจะ...เวลาพูดก็พูดผ่านความว่าง พดู ผา่ นความสขุ หอ่ หมุ้ ความวา่ ง หอ่ หมุ้ คา พดู แตล่ ะคา รสู้ กึ วา่ พดู แลว้ รสู้ กึ ดจี งั เลย พดู แลว้ คา พดู เรา...พอ จะพูดไม่ดีปุ๊บ...หยุด คาพูดไม่ดีจะออกมาปื๊บ...หยุด เริ่มเห็นแล้วว่า อ๋อ! เป็นวิธีการสอน ให้เรารู้จักกรอง คาพูด คิดก่อนพูด จะพูดอะไร คาพูดที่กรองออกไป...ห่อหุ้ม แล้วต่อไปก็คือว่าชัดมากขึ้น...เจตนา เจตนา ในคาพูดของเราแต่ละคาออกไปนี่นะ...ผลกระทบที่เกิดขึ้น แล้วก็เห็นชัดว่า เวลาพูดออกไป ผลกระทบที่ ตามมาเป็นอย่างไร พอผลกระทบที่ตามมา...ต่อไป
ตรงนี้แหละ ผลจากวจีกรรมกลายเป็นกรรม กรรม ณ ปัจจุบันที่เรากระทา พอผลกระทบตามมา ผลกระทบในแงล่ บกลบั มา ใครกอ่ น...ใครรบั เราเปน็ คนรบั กอ่ นเลย จติ เรากต็ ก แทนทจี่ ะประคองความเปน็ กุศลของจิต จิตตกปุ๊บ เราก็จะกลายเป็น...ไม่ใช่บางครั้ง ไม่...ไม่โทษสิ่งอื่นแต่ก็โทษตัวเอง ไม่โทษอารมณ์ ภายนอก แต่ก็โทษตัวเอง แม้แต่การโทษตัวเองก็ทาให้จิตตกมากขึ้น แต่การที่เราสอนตัวเอง ว่าการกระทา แบบนี้ไม่ดี ให้ระวังต่อ...ควรระวังสารวม
เพราะฉะนนั้ การสา รวมอนิ ทรยี ์ อนิ ทรยี ์ ๖ ตาหจู มกู ลนิ้ กายใจ การระวงั การสา รวจจงึ เปน็ สงิ่ สา คญั พอเรามกี ารสา รวมระวงั แบบนี้ เปน็ การสา รวมอนิ ทรยี ์ ระวงั กายวาจา กเ็ ปน็ การสา รวมศลี ใหบ้ รสิ ทุ ธไิ์ ปดว้ ย


































































































   209   210   211   212   213