Page 210 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 210

730
แต่กับตัวรู้นี่นะ เป็นวิญญาณรู้ ตัวที่ทาหน้าที่รู้ กลายเป็นมีจิต ๒ ตัว มีสภาพจิตกับตัวรู้ กับอาการ สภาพจิตเกิดขึ้นอยู่แล้ว เราไม่ต้องไปกังวล เหลือ ๒ อย่างที่ต้องรู้ ทีนี้ การที่จะเข้าถึงอาการ ลองดู เวลา ฟังเสียงปื๊บ ถ้ามาจับตัวความรู้สึกที่ทาหน้าที่รู้ ว่าเสียงที่เกิดอยู่ในที่ว่าง ๆ มาดูที่ตัวจิตที่ทาหน้าที่รู้ตรงนี้ ปุ๊บ อาการเกิดดับเขายังอยู่ไกลหรือใกล้เข้ามา หรือมาชัดอยู่ข้างใน หรือมาชัดอยู่ตรงนี้ พอเสียงพูดดับปุ๊บ ตรงนี้ก็วุบไป วุบอยู่ข้างใน อยู่ข้างใน ตรงนี้ไม่ต้องวิ่ง ไม่ต้องเดินทางไกล มาจับที่ความรู้สึก แล้วอารมณ์ จะเข้ามา เข้ามาตรงนี้...อยู่ที่เดียวกับอาการ อาจจะอยู่ตาแหน่งนี้ หรืออยู่ข้างในตรงนี้เลย
เพราะฉะนนั้ พอเสยี งดบั ปบุ๊ ตรงนวี้ บุ หาย ๆ กลายเปน็ วา่ จติ ทที่ า หนา้ ทรี่ กู้ ด็ บั ไปดว้ ย เพราะฉะนนั้ พอ เปน็ แบบนี้ พอเขาดบั อยตู่ รงนี้ ดบั ไปดว้ ย จติ ดบั ไปดว้ ยปบุ๊ นนี่ ะ ไมต่ อ้ งไปดไู กล ใหค้ วามวา่ งยงั กวา้ งอยู่ แต่ มาดอู าการเกดิ ดบั ตรงนี้ เสยี งอยใู่ นทวี่ า่ งไหม ขณะทอี่ าการเกดิ ดบั มาชดั อยขู่ า้ งใน เสยี ง...ยงั เกดิ อยใู่ นทวี่ า่ ง แต่ลักษณะของความรู้สึกที่เกิดดับ อาการมาชัด เขาเรียกอาการเกิดดับของเสียงนั้น มาชัดอยู่ในความรู้สึก
ตรงนี้ไม่ต้องเดินทางไกล มารู้อาการเกิดดับ ที่ปรากฏชัดอยู่ในความรู้สึก ว่าเกิดดับในลักษณะ อยา่ งไร ตรงนจี้ ะเปน็ อารมณป์ รมตั ถ์ เสยี งเกดิ อยตู่ รงนนั้ แตเ่ กดิ ดบั มาอยขู่ า้ งในตรงนี้ เรากต็ ามอาการเกดิ ดับตรงนี้ไป เกิดดับไป กาหนดต่อไป ๆ ๆ เรื่อย ๆ เจาะสภาวะแบบนี้ กาหนดให้ต่อเนื่อง พออาการเกิด ดบั จบ กอ็ ยา่ งทบี่ อกแลว้ นงิ่ แลว้ กด็ บู รรยากาศนใี้ หม.่ ..บรรยากาศของความรสู้ กึ ดสู ภาพจติ เรมิ่ ตงั้ แตจ่ าก ข้างใน แล้วก็ไปรู้ข้างนอก ถ้าเขาดับแล้ว สภาพจิตเรา จิตใจ...รู้สึกตรงนี้มีความสว่างขึ้น ที่ตัวมีความสว่าง ขึ้น มีกาลังขึ้น บรรยากาศรอบตัวเป็นอย่างไร สว่างไปด้วยไหม นั่นคือความเป็นกุศลจิตของเรา
ทีนี้จิตที่เป็นกุศล และมีกาลังมากขึ้น ยกตัวอย่าง จิตที่ใสแล้ว มีกาลัง มีความหนาแน่นขึ้น กว้าง ขึ้น คมชัดขึ้น สติรู้ชัดขึ้น นั่นคือจิตที่มีกาลังมากขึ้น ความเป็นกุศลมีกาลังมากขึ้น เพราะว่าจิตที่มีความใส แล้วกว้างขึ้น ชัดเจน...มีสติสัมปชัญญะชัดเจน ทาไมถึงบอกว่าเป็นกุศลมากขึ้น ลองดูจิตที่ใส เขาสะอาด ขึ้นไหม จิตของเรา อันนี้ต้องรู้นะ เป็นสภาพจิต สภาพจิตใจมีความใสขึ้น สะอาดขึ้น แล้วมีสติรู้ชัดมากขึ้น ถามว่าจิตที่ใส เป็นกุศล จิตที่บริสุทธิ์ขึ้น สะอาดขึ้น เป็นมหากุศล เป็นมหากุศล เป็นจิตที่ดีมาก ๆ เพราะ ความทุกข์ก็ไม่เกิดด้วย
แล้วถ้าให้กว้างขึ้นอีก ยิ่งสบายมากขึ้น ถามว่าจิตที่ใสเป็นจิตของใคร ไม่รู้ของใครหรอก...ใช่ไหม ต้องรู้สิว่าของใคร อันนี้ต้องอ้างสิทธิ์นิดหนึ่ง อย่าบอกว่าจิตใครก็ไม่รู้ มันใสไปหมดเลย เราก็ดูแต่ความ ใส กลับมา...พอไม่ดูเหลือแต่ตัวเอง ตัวเปล่าไม่มีอะไร แต่จริง ๆ นี่นะ คือสิ่งที่ต้องรู้ว่า การที่เรากาหนด รู้ ที่มาที่ไปว่า การที่เราปฏิบัติเพื่อทาจิตให้เป็นกุศลมากขึ้น เรากาหนดอะไร มีสติตามกาหนดรู้อาการแบบนี้ แล้วจิตใสขึ้น จิตของใคร ถ้าเรียกโดยสมมติ เราจะต้องรู้ว่าจิตเราใสขึ้น จิตเราสงบขึ้น มีพลังขึ้น แต่โดย ปรมตั ถ์ ตวั จติ ทใี่ สเอง...ไมบ่ อกวา่ เปน็ เรา ตวั จติ ทใี่ สเองไมบ่ อกวา่ เปน็ เรา แมต้ วั รกู้ ไ็ มไ่ ดบ้ อกวา่ เปน็ เรา แต่ เป็นความรู้สึกที่ใส ที่มีกาลัง ทาหน้าที่รับรู้
เพราะฉะนนั้ การรบั รแู้ บบนี้ จงึ เปน็ การรบั รดู้ ว้ ยความบรสิ ทุ ธใิ์ จ จติ ทบี่ รสิ ทุ ธิ์ จติ ทผี่ อ่ งใสทบี่ รสิ ทุ ธิ์ อันนี้อย่างหนึ่งนะ จิตที่บริสุทธิ์ จิตที่ผ่องใสเกิดขึ้นแล้ว เวลาเจตนาในการพูด ในการกระทา อันนี้...ต้องให้


































































































   208   209   210   211   212