Page 23 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 23
การพัฒนาปัญญาเพ่ือการออกจากทุกข์
ณ ศาลาธรรม จ.ปทุมธานี วันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑
ถือเป็นโอกาสดีที่เราได้มาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง มาปฏิบัติธรรมกัน การเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมเป็น การฝึกจิตของเรา มาพัฒนาสติ พัฒนาสมาธิ พัฒนาปัญญาของเราให้มีความก้าวหน้าในทางธรรม ปัญญา ที่รู้ถึงวิธีการที่จะออกจากทุกข์ เรามีปัญญากันทุกคน รู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ แต่ ปัญญาที่สาคัญอย่างหนึ่งก็คือ การที่เราพัฒนาปัญญาของเราที่จะรู้ถึงสัจธรรมความจริงที่จะเป็นไปเพื่อ ความดับทุกข์ และปัญญาท่ีจะออกจากทุกข์ การที่มีเจตนามีเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนาปัญญาที่จะรู้ ถึงความเป็นไปเพ่ือความดับทุกข์น้ัน ตรงนี้สาคัญมาก ๆ รู้อะไรถึงทาให้เราไม่ทุกข์ รู้อะไรความทุกข์ถึง หายไป รู้อะไรจิตถึงจะคลายจากอุปาทาน
สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ก็คือ การรู้เร่ืองของรูปนามขันธ์ห้า รู้เรื่องกฎของไตรลักษณ์ นี่คือ หลักใหญ่ ๆ ในการพิจารณาเพื่อทาความเข้าใจและให้เห็นตามความเป็นจริงของรูปนามขันธ์ห้า หรือของ สภาวธรรมต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึน เพราะฉะนั้น วันน้ีเป็นวันแรกของการปฏิบัติธรรม เราก็นั่งฟังไปปฏิบัติไป ควบคู่กัน อาจารย์จะพูดถึงหลักการใหญ่ ๆ ของการปฏิบัติเพื่อเป็นแนวทางในการพิจารณาธรรมของเรา ตามหลักของวิปัสสนาหรือที่เรียกว่าสติปัฏฐานสี่ คือการพิจารณาอารมณ์ทั้งสี่อย่างที่ปรากฏเกิดข้ึนเฉพาะ หน้าเราที่เป็นอารมณ์ปัจจุบัน อารมณ์หลัก ๆ ที่เกิดข้ึนมีอยู่สี่อย่าง คือการดูกายในกาย รู้เวทนาในเวทนา ดูจิตในจิต แล้วก็รู้ธรรมในธรรม
กาย เวทนา จิต และธรรม เป็นอารมณ์หลักท่ีเป็นสติปัฏฐานส่ี เป็นท่ีตั้งของการเจริญกรรมฐาน ของเรา เพราะอะไร ? เพราะอารมณ์สี่อย่างนี้จะวนเวียนสลับกันเกิดข้ึนมา ให้เราได้พิจารณาให้เราได้ศึกษา ได้เรียนรู้ ว่าสภาวะเหล่านี้ท่ีเกิดขึ้นเป็นอารมณ์ท่ีเป็นธรรมชาติ/เป็นสภาวธรรมตามธรรมชาติ ไม่ต้องปรุง แต่ง ไม่ต้องสร้าง เมื่อถึงเวลาก็จะปรากฏข้ึนมาให้เราได้พิจารณาได้กาหนดรู้ถึงการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป เพราะอาการที่พูดมาทั้งสี่อย่างนี้คืออาการของรูปนาม หรือเป็นสภาวธรรมที่อาศัยรูปนามที่เรียกว่าเป็นเรา เป็นเขา เป็นคน เป็นใคร ท่ีกาลังน่ังอยู่น้ีน่ีแหละ
543