Page 233 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 233
753
แต่ถ้าสงบมากกว่านี้เป็นอย่างไร เราต้องเพียรต่อ แค่นั้นเอง ไม่ใช่ว่าเขาบอกว่าเราสงบนิดเดียว เรา ก็อยากสงบให้เท่าเขา เขาสงบแค่ไหนเราก็ไม่รู้ เพราะเราก็ไม่เห็นจิตเขาเหมือนกัน แต่ถ้ารู้สึกว่า เขาน่าจะดี นะ เรากต็ อ้ งปฏบิ ตั ไิ ป เพราะเราทา มาถงึ ขนาดนี้ เราทา จติ เราใหส้ งบขนาดนไี้ ด้ เหน็ วา่ จติ ตวั เองดขี นึ้ ไดแ้ ลว้ ทาต่อไปเถอะ ขนาดไหนก็ช่าง ขนาดไหนก็ตาม ขั้นตอนไหนไม่เป็นไรหรอก เห็นแต่ว่าไม่ทุกข์ ทุกข์น้อยลง สงบมากขึ้น จิตดีขึ้นเรื่อย ๆ นั่นคือสิ่งที่เรารู้ได้ด้วยตัวเอง
เป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติ จะพึงเห็นได้ด้วยตัวเอง เราต้องรู้ในสิ่งที่เราเป็น รู้ในสิ่งที่เกิดข้ึน คือมั่นใจว่า จิตตรงนี้เกิดขึ้นจริง ๆ เพียงแต่ว่าในบางขณะ เราจะรู้สึกไม่มั่นใจว่า พอมันสงบแล้ว สงบได้ไม่นาน ไม่รู้ สงบจริงหรือเปล่า สงบแค่ชั่วโมงเดียว จากนั้นก็วุ่นวายอีกแล้ว มันยังสงบไม่จริง เวลาเราเปิดไฟ...กี่ชั่วโมง สว่างจริงไหม เวลาเราเปิดไฟนี่นะ สว่างจริงไหม ตอนเปิดไฟ...สว่าง แต่พอปิดไฟปุ๊บ มืดไหม...มืด เราจะ เรียกว่าไฟไม่สว่างจริงได้ไหม...ก็ไม่ได้ เพราะเปิดเมื่อไหร่...จิต
เพราะฉะนั้น จิตเราเวลาสงบก็สงบจริง แต่เป็นความสงบตั้งอยู่ได้นานแค่ไหน ตรงนี้แหละ เวลา สงบ ตอนนี้เรายังสงบขนาดนี้ ตั้งอยู่ขนาดนี้ ถ้าปฏิบัติต่อไปเรื่อย ๆ ความสงบเราจะตั้งอยู่นานขึ้นไหม เราคงใชเ้ หมอื นโซลารเ์ ซลลเ์ นอะ! และไมม่ แี บตเตอรสี่ า รอง กลางวนั กม็ ไี ฟ พอกลางคนื กไ็ ฟหมด หลบั สนทิ แต่ไม่ใช่ จิตของเรานี่นะ ตัวสัญญา สัญญาเป็นตัวสั่งสม และจาถึงลักษณะของสมาธิที่มีกาลัง ที่ทาให้เรา ยกจิตข้ึนสู่ความสงบนั้นได้ ยกจิตขึ้นสู่ความว่างนั้นได้
เพราะฉะน้ัน การดูสภาพจิตบ่อย ๆ การดูสภาพจิตบ่อย ๆ เราจะเห็น รู้จัก เห็นตัวเองมากขึ้น อันนี้พูดถึงกว้าง ๆ แต่ถ้าพูดถึงการดูสภาพจิตที่เป็นสภาวะ เป็นความไม่เที่ยง เป็นอาการพระไตรลักษณ์ อีก ก็จะต้องรู้เข้าไปในความสงบ แล้วความสงบเปลี่ยนอย่างไร เปลี่ยนอย่างไร ใสขึ้น เข้าไปในจิตที่ใสอีก ใสเปลี่ยนไปอย่างไรอีก อันนี้ก็คือรู้ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ตรงนี้ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลง ที่เป็นการดูจิตใน จิตอีกแบบหนึ่ง
ทเี่ ราปฏบิ ตั ิ ตอ้ งรแู้ บบนนั้ เราปฏบิ ตั ดิ สู ภาพจติ ตอนทอี่ าการเกดิ ดบั หมดหายไป เหลอื แตจ่ ติ ทสี่ งบ ก็ต้องรู้ในความสงบ จิตที่สงบแล้วเปลี่ยนอย่างไร เข้าไปแล้วเปลี่ยนอย่างไร เปลี่ยนอย่างไร นั่นคือการดู สภาพจิต เหมือนเป็นการเจาะสภาวะเหมือนกัน เป็นการเจาะสภาวะอย่างหนึ่ง เป็นการดูจิตในจิต เพราะ ฉะนั้น การดูจิตในจิต ดูสภาพจิต เราจะต้องรู้สภาพจิตในปัจจุบัน ว่าสภาพจิตแต่ละขณะ แต่ละวัน ๆ หรือ ในแต่ละบัลลังก์นั้น เปลี่ยนไปอย่างไร แล้วมาสรุปว่า ปฏิบัติแล้วสภาพจิตดีขึ้นไหม ดีขึ้นอย่างไร อันนี้จะ ได้บอกตัวเองได้
บอกอาจารยไ์ มไ่ ดไ้ มเ่ ปน็ ไร บอกตวั เองใหไ้ ดก้ ด็ แี ลว้ วา่ ดอี ยา่ งไร เพราะฉะนนั้ วนั นี้ การแสดงธรรม มาก็เห็นว่าสมควรแก่เวลา ขอหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความเจริญในธรรมจงมีแก่โยคีทุก ๆ คน เจริญพร
ไหนๆก็พูดถึงเรื่องสภาพจิตแล้วเรากม็าลองทาจิตให้เป็นบุญเดยี๋วแผ่เมตตากันจะได้เหน็สภาพ จติ ตวั เองชดั ขนึ้ ลองดวู า่ ถา้ นกึ ถงึ บญุ นกึ ถงึ ความดี บญุ กศุ ลทเี่ ราไดท้ า การทจี่ ะเหน็ ชดั คอื วา่ ตอ้ งทา จติ ให้