Page 231 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 231
751
ดีเสมอ ดีเสมอถ้าเจอแบบนั้น ก็รสชาตินั้นอย่างนั้นแหละ แต่ก็ไม่เคยทาให้คนเบื่อ เป็นรสชาติที่...ถ้าใคร เบื่อจิตที่บริสุทธิ์สะอาดแบบนั้น ก็น่าดูเหมือนกันแหละ
เพราะฉะนั้น การดูสภาพจิตแบบนี้นี่แหละ และเราก็จะเป็นผู้บอกตัวเองได้ด้วยว่า พอปฏิบัติไป ถ้าเห็นสภาพจิตชัดขึ้น จะบอกว่าสภาพจิตเราสะอาดขึ้นไหม อกุศลที่ค้างอยู่นี่นะ ค้างอยู่เท่าเดิมไหม เวลา อารมณ์เข้ามากระทบ เขาค้างอยู่นานเท่าเดิมไหม เคยค้างอยู่ชั่วโมงหนึ่ง ยังอยู่ชั่วโมงหนึ่งเท่าเดิมไหม รู้ว่า หลุดไปเร็วขึ้น สบายขึ้น นี่คือการดูสภาพจิต อารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ความคิด ภาพที่เห็น เสียงที่ได้ยิน ในเรื่องไม่พึงปรารถนา ย่อมเวียนมาเข้ามาในชีวิตเป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ ตราบใดที่ยังมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ยังมีชีวิตอยู่ อารมณ์เหล่านั้นปรากฏอยู่เสมอ
แต่ถ้าจิตเปลี่ยนไป ถ้าสภาพจิตตรงนี้ เปลี่ยนเป็นจิตที่ดีขึ้น ที่ใสขึ้น สงบขึ้น มีความอิสระ มากขึ้น ลองดูว่า อารมณ์เหล่านั้น ทาให้ความทุกข์เกิดขึ้นได้ไหม นี่คือ นี่แหละการดูสภาพจิตจึงเป็น สิ่งสาคัญ เป็นการเห็นตัวเองไปในตัว การเห็นสภาพจิต เห็นตัวเองไปในตัว แล้วนอกจากเห็นจิตที่มีความ สงบความใส สิ่งที่ควรควบคู่กันไป ก็คือความคิด เขาเรียกทิฐิ ปรับทิฐิให้ตรง ให้ถูกตรง ให้เป็นไปตาม สภาวธรรมที่เกิดขึ้น ทิฐิคือความเห็น ความเชื่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่แก้ยากมาก แก้ยากมาก ถ้าไม่เห็นด้วยตัวเอง
เพราะฉะนั้น การที่จะแก้ทิฐิตรงนั้น ไม่ว่าจะเป็นสักกายะทิฐิ หรือมานะทิฐิ ความเห็นว่าเป็นตัวเรา เป็นของเรานี่นะ ถ้าไม่เห็นด้วยตาปัญญาตัวเองจริง ๆ ยากที่จะยอมรับ ว่ามันเป็นแบบไหน เป็นอนัตตา จริงไหม จะละจริงไหม หลุดไปจริงไหม หายไปจริงไหม ว่างจริงไหม ไม่ใช่แค่เราละได้แค่ความคิด ถ้าคิด ว่าอันนี้ไม่ใช่ของเราแล้วละได้ ก็คงแบบสบายกันหมดแล้ว พวกเราก็รู้กันทุกคนว่า รูปไม่ใช่ของเรา เวทนา ไม่ใช่ของเรา สัญญาไม่ใช่ของเรา รู้อยู่แล้ว
แต่ลักษณะการที่เราเห็น เพราะการเห็นอาการเกิดดับตรงนี้ ไม่ใช่แค่ได้รู้ แต่เห็นแล้วจิตเปลี่ยน แต่เห็นแล้วสภาพจิตเปลี่ยน นี่แหละ การรู้อาการเกิดดับและสภาพจิตเปลี่ยน การเห็นไม่ใช่แค่การเข้าใจ การเห็นไม่ใช่แค่การเข้าใจ ต้องเข้าใจจุดนี้ เพราะการเห็นถึงความคิดดับ เห็นถึงการดับของความคิด ใน แต่ละขณะ ผลสภาพจิตต่างกัน การเห็นการเกิดดับของเสียง ในแต่ละขณะที่เปลี่ยนไป จิตก็เปลี่ยนไปต่าง กัน การเห็นการเกิดการดับของลมหายใจ ที่เปลี่ยนไป แต่ละขณะ จิตก็ต่างไปอีก เปลี่ยนไปอีก
นั่นคือสังเกตว่า การเห็นกับการคิดกับความเข้าใจ สังเกตเวลาเราเข้าใจ เข้าใจแล้วทุกอย่างไม่เที่ยง ถามว่าเห็นจิตเปลี่ยนไหม บางครั้งจิตไม่เปลี่ยน เปลี่ยนความคิดจิตไม่เปลี่ยน ไม่เปลี่ยนอะไร ไม่เปลี่ยน เป็นสงบขึ้น ไม่ได้เปลี่ยนเป็นตั้งมั่นขึ้น ไม่ได้เปลี่ยนเป็นใสขึ้น ไม่ได้เปลี่ยนเป็นสว่างขึ้น ไม่ได้เปลี่ยนเป็น โล่งขึ้น แค่เข้าใจ แต่ก็จะมีคาว่า แต่ ๆ แต่อะไร...แต่ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่ดี ยังรู้สึกไม่อิสระจากความ คิดนั้น ไม่อิสระจากการรับรู้อารมณ์
ตรงนี้คือจุดหนึ่ง ที่เป็นตัวบอกว่า การปฏิบัติธรรม...ทาไมพระพุทธเจ้าที่ตรัสว่า การดูกาย เวทนา ดูจิต ดูธรรม เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา เพราะฉะนั้น คาว่าความสงบ ความผ่องใส ความสว่างของจิต