Page 232 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 232
752
ความสะอาดของจิต เป็นอย่างไร การที่ไม่ถูกพันธนาการ ด้วยโลภะ โทสะ อันนี้สาคัญนะ การที่จิตที่ไม่ ถูกพันธนาการ ด้วยโลภะ โทสะ โมหะ ไม่ใช่ไม่ถูกพันธนาการด้วยรูป เสียง กลิ่น รส ไม่ใช่ว่าจิตไม่ถูก พันธนาการด้วยรูป เสียง กลิ่น รส ผัสสะ หรือธัมมารมณ์ แต่ไม่พ้นจากเครื่องพันธนาการ คือโลภะ โทสะ หรือโมหะ ตรงนี้ เราจะรู้ได้อย่างไร
จุดนี้แหละที่จะรู้ได้อย่างไร ถ้าไม่ใส่ใจ ไม่เห็นสภาพจิต สภาพจิตจะเป็นตัวบอก ผู้ปฏิบัติจะบอก ตัวเองได้ว่า จิตสะอาดแบบนี้ จิตใสแบบนี้ จิตสงบขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คาว่าสะอาด ประมาณไหน ถึงจะสะอาด ประมาณไหนถึงจะสะอาด เวลาเราล้างจาน สะอาดแบบไหนถึงเรียกว่าสะอาด ถ้าคนไม่เคย ล้างจานจะบอกได้ไหมว่า จานสะอาดแบบไหน จิตของเราก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่เคยเห็น เราก็เห็นเป็นคุ้น แบบนี้ ๆ เราก็จะมีคาถามว่า แบบไหนถึงเรียกว่าสะอาด เพราะเราเห็นแบบเดิม
เพราะฉะนั้นการขัดเกลาไป ปฏิบัติไป แล้วจะบอกได้อย่างไรว่า ตอนนี้จิตสงบขึ้น ตอนนี้จิตโล่งขึ้น นั่นแหละแบบเดียวกันเลย แต่เรายังไม่เห็นสะอาดเลย ยังไม่เห็นสะอาดเลย ถ้ายังไม่เห็นสะอาด ก็ทา ต่อไป แค่นั้นเอง ไม่ใช่ว่าเรื่องผิด แค่ยังไม่เห็น ไม่ใช่ไม่มีสิทธิ์เห็นนะ แต่ยังไม่เห็นแค่นั้นเอง อยากจะเห็นไหม ถ้า อยากจะเห็นแล้วทาอย่างไร อยากจะเห็นจิตที่สะอาด จิตของตัวเองสะอาดไหม หมั่นดูบ่อย ๆ ไม่ใช่จิตของ คนอื่นนะ จิตของตัวเองมีสิทธิ์เต็มที่ ไม่ใช่จิตของคนอื่น จิตของตัวเองมีสิทธิเต็มที่ ดูเมื่อไหร่ก็ได้
จะดูตอนเดิน จะดูตอนยืน ตอนนั่ง ตอนนอน ตอนทานอาหาร ตอนทาการงาน ตอนไหนก็ได้ ดูได้เลย รู้ไปเรื่อย ๆ แล้วจะรู้ว่าเวลาจิตสะอาดเป็นอย่างไร ตอนที่ไม่สะอาดเป็นอย่างไร ที่สาคัญ ถ้าเรา บอกได้ว่า ตอนนี้จิตเราไม่สะอาด และบอกได้ว่า จิตที่ไม่สะอาดเป็นอย่างไร ไม่ใช่แค่อนุมานเอาเองนะ ตอนนี้จิตเราไม่สะอาดหรอก เรามีกิเลสเยอะ สลับมาเป็นระยะ ๆ นั่นล่ะ ก็เลยคิดว่าจิตเราไม่สะอาด นั่น คืออนุมานโดยรวม
เพราะจติ ของคนเรา...ถามวา่ เปน็ จติ ดวงเดยี วไหม วถิ จี ติ ทเี่ ปลยี่ นไป เวลาจติ สะอาดเปน็ อยา่ งไร ถา้ เห็นว่าจิตไม่สะอาดเป็นอย่างไร ถ้าเจอจิตสะอาด ก็คงไม่ต้องถามว่าจิตสะอาดเป็นแบบไหน เห็นไหมนี่คือ ส งิ ่ ท เี ่ ก ดิ ข นึ ้ เ ร า จ ะ บ อ ก ต วั เ อ ง ไ ด ้ เ ห น็ ด ว้ ย ส ต ิ ด ว้ ย จ ติ ด ว้ ย ป ญั ญ า ข อ ง ต น เ อ ง เ ห ม อื น จ ติ ส ง บ น แี ่ ห ล ะ ส งั เ ก ต ไหมว่าพอเราบอก จิตต้องสงบ แต่เราไม่ได้บอกว่าสงบระดับไหน เราใช้...พอเป็นภาษาก็ใช้บาลี ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ ขนาดไหน เราก็ยังงง ๆ อีก พอเราสงบมากเลย นิ่งมากเลย สงสัยจะเป็น อัปปนาสมาธิแล้วกระมัง ก็ยังสงสัยอยู่ดี เห็นไหม กลายเป็นว่าเราตัดสินอารมณ์ไม่ได้ ตัดสินอารมณ์ไม่ได้
จรงิ ๆ แลว้ ความสงบกจ็ ะมขี นั้ ตอน อยา่ งเบอื้ งตน้ เปน็ แบบนี้ ถา้ สงบแบบฌาน เปน็ แบบทสี่ งบแบบ เขา้ ฌาน จะเปน็ พระพรหมไดน้ นี่ ะ สงบแบบไหนถงึ จะเปน็ พรหมได้ เออ่ !เรมิ่ คดิ มากแลว้ นะ เรมิ่ ไปใหญแ่ ลว้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรารู้ สิ่งที่ต้องรู้ คือรู้ปัจจุบันว่า ตอนนี้จิตเราสภาพจิตสงบขึ้นนะ สงบนิ่ง สงบลึก สงบมาก เลย สงบมากเลยเรารู้ด้วยตัวเอง ถึงแม้คนอื่นจะบอกว่า อุ๊ย!สงบนิดเดียว อย่าตกใจ อย่าตกใจว่าของเรามี นิดเดียว นิดเดียวสาหรับเขา แต่สาหรับเรามีค่ามหาศาล จงมั่นใจ จงรู้สึกมั่นใจว่า เราทาจิตเราสงบขนาดนี้ ได้ถือว่าดีแล้ว