Page 32 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 32
552
อยู่ ไม่มีตัวตนไม่มีเรา-ความคิดก็ยังทาหน้าที่ของตนอยู่ ไม่มีตัวตนไม่มีเรา-จิตก็ยังทาหน้าที่รับรู้อารมณ์ที่ ปรากฏขึ้นทางทวารทั้งหกต่อไป เป็นเรื่องธรรมชาติเป็นเรื่องปกติอยู่
ทีนี้ จุดสาคัญที่บอกว่า การรู้อาการพระไตรลักษณ์การเกิดดับของรูปนาม เริ่มตั้งแต่การรู้ถึงความ เป็นบัญญัติ ความเป็นกลุ่มก้อน ความเป็นเรื่องราวที่ไม่เที่ยง เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป มีแล้วหายไป เป็นภาพ เป็นเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา ก็ตั้งอยู่ในกฎของไตรลักษณ์ แต่สิ่งที่สาคัญที่จะทาให้จิตเราผ่องใส สติเราว่องไว สมาธิแก่กล้าขึ้นมา ก็ต่อเมื่อเรามาพิจารณารู้อยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน ณ ขณะนี้เดี๋ยวนี้ คือมี สติตามกาหนดรู้ลมหายใจเข้า-ออก ตามรู้อาการพองยุบ ตามรู้เวทนา ตามรู้อาการเกิดดับของความคิดที่ กาลังปรากฏอยู่ขณะนี้เดี๋ยวนี้นี่แหละ สภาวธรรมที่กาลังปรากฏอยู่เฉพาะหน้าเราขณะนี้เดี๋ยวนี้จะเป็น สภาวธรรมที่พ้นจากการปรุงแต่ง ที่เป็นไปตามธรรมชาติจริง ๆ
และเมอื่ ไมป่ รงุ แตง่ มสี ต-ิ สมาธ-ิ ปญั ญาพจิ ารณาถงึ การเกดิ ขนึ้ -ตงั้ อย-ู่ ดบั ไปของรปู นาม ณ ปจั จบุ นั จะทาให้จิตเราคลายและผ่องใสมากขึ้น จะทาให้สติแก่กล้าขึ้น สมาธิมีความตั้งมั่นขึ้น ปัญญาแก่กล้าขึ้น ละเอียดขึ้น แยบคายขึ้นจนเห็นชัดจนปล่อยวางอย่างสิ้นเชิง จิตผ่องใสสะอาดบริสุทธิ์ จิตผ่องใสสะอาด บริสุทธิ์จะปรากฏขึ้นมา ต่อเมื่อเราเห็นสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน อาการเกิดดับของรูปนามที่เป็นปัจจุบัน ขณะจริง ๆ เท่านั้น เพราะฉะนั้น การที่มีสติรู้อยู่กับอารมณ์ปัจจุบันเฉพาะหน้าขณะน้ีจึงเป็นสิ่งสาคัญ อย่างยิ่ง ขอให้เราตั้งใจพิจารณา นี่คือหลักของการปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหนก็ตาม ขอให้เรา สนใจอาการพระไตรลักษณ์การเกิดดับของรูปนามเป็นสาคัญ
ทนีี้คาวา่มสีตติามรอู้าการของกายหรอืดกูายในกายกบัมสีตไิปในกายอกีอยา่งหนงึ่กค็อืในอริยิาบถ ยอ่ ยในชวี ติ ประจา วนั ของเรา กต็ อ้ งมสี ตคิ อยกา กบั คอยควบคมุ หรอื รเู้ ทา่ ทนั อาการเคลอื่ นไหวของตนเอง จะหยิบ จะจับ จะเหยียด จะคู้ จะนั่ง จะเดิน จะยืน จะนอน ก็มีสติคอยกากับอยู่เสมอ และการมีสติไป ในกายอย่างต่อเนื่องจะทาให้เรามีสมาธิอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เมื่อมีสติอยู่กับอารมณ์ปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง สมาธิก็ต่อเนื่อง สมาธิก็แก่กล้าขึ้น สมาธิก็พัฒนาขึ้นไปตามลาดับเช่นเดียวกัน และการมีสติอยู่กับอารมณ์ ปจั จบุ นั ตามรกู้ ายในกายกจ็ ะเหน็ จติ ดว้ ย วา่ แตล่ ะครงั้ ทจี่ ะขยบั จะเคลอื่ นไหวกายนนั้ จติ คดิ อยา่ งไร มเี จตนา อย่างไร อาการเคลื่อนไหวจึงเกิดขึ้น
เพราะฉะนนั้ ทบี่ อกวา่ การปฏบิ ตั ธิ รรมเพอื่ รเู้ ทา่ ทนั จติ ใจของตนเอง กค็ อื การทเี่ รามสี ตริ ใู้ นลกั ษณะ อย่างนี้นี่แหละ แต่ว่าเราเพิ่งเริ่มปฏิบัติแล้วจะให้รู้เท่าทันเลย-นั่นก็เป็นไปได้ยาก แต่การที่เราพอใจใส่ใจ ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องอยู่เนือง ๆ เขาเรียกมี “ตัวฉันทะ” พอใจที่จะเข้าไปกาหนดรู้ถึงการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับ ไปของรปู นามขนั ธห์ า้ ไมว่ า่ จะอยใู่ นอริ ยิ าบถยนื -เดนิ -นงั่ -นอน-กนิ -ดมื่ -ทา -พดู -คดิ ในชวี ติ ประจา วนั ของเรา พอใจที่จะเข้าไปรู้อยู่เนือง ๆ ก็จะทาให้สติเรามีความต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ เมื่อสติมีความต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ก็กลายเป็นคนที่จะทาอะไรก็มีสติคอยกากับคอยดูแลอยู่เสมอ จะไม่เผลอหลงใหลไปกับอารมณ์ที่เป็น ฝ่ายอกุศลทาให้จิตขุ่นมัวเศร้าหมอง