Page 62 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 62
582
ขึ้นไป พอเห็นอาการเกิดดับของเสียง ที่เป็นขณะนั้น ๆ ในเสียงนั้น มีอาการเกิดดับเป็นขณะอยู่ ลองสังเกต ดู เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เห็นในลักษณะอย่างนั้น สติเป็นอย่างไร สภาพจิตเป็นอย่างไร ความรู้สึกยินดี พอใจใน เสียงนั้นยังมีอยู่ไหม
หรือการที่เห็นการกาหนด การที่ได้มีสติกาหนดรู้ อาการเกิดดับอย่างนั้นแล้วนี่นะ ทาให้จิตมีความ ตั้งมั่นขึ้น ผ่องใสขึ้น จิตโล่งขึ้น เห็นดับไปแต่ละครั้ง จิตเบาขึ้นใสขึ้น ดับแต่ละขณะ จิตมีความตั้งมั่นขึ้น ใสขึ้น สว่างขึ้น สะอาดขึ้น การที่เห็นว่า เห็นอาการเกิดดับลักษณะอย่างนั้น แล้วทาให้จิตใสขึ้นสะอาดขึ้น บอกอะไรกับเรา ปัญญาที่เห็นอาการเกิดดับ เห็นอาการพระไตรลักษณ์ ได้เห็นว่า เห็นอาการเกิดดับ เห็น อาการพระไตรลักษณ์ ทาให้จิตผ่องใสขึ้น บอกอะไรกับเรา
จิตผ่องใสได้เพราะอะไร เพราะความอยากผ่องใส เพราะการเข้าไปยึด หรือเพราะเห็นอาการเกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ที่เป็นสภาวธรรมที่ละเอียด เป็นวิธีการขัดเกลาจิตใจ ทาให้จิตผ่องใสขึ้นได้ นี่คือเห็นการ เกิดดับของเสียงเป็นสาคัญ เป็นหลักเลย แต่ทีนี้ถ้าสังเกตต่อว่า แล้วตัวจิตที่ไปรับรู้อาการเกิดดับของเสียง ตัวจิต ตัวสติที่ทาหน้าที่รับรู้ อาการเกิดดับของเสียงในแต่ละขณะ ๆ ถ้าสังเกตเห็นว่า จิตที่ทาหน้าที่รู้อาการ เกดิ ดบั ของเสยี ง ดบั ไปดว้ ยหรอื ไมใ่ นแตล่ ะขณะ ดบั ไปดว้ ยหรอื ไมใ่ นแตล่ ะขณะ ลองดวู า่ เหน็ อาการเกดิ ดบั เสียงดับ ใจรู้ดับ เสียงดับ ๆ ไปด้วยแต่ละขณะ ลองดูว่าสภาพจิตเปลี่ยนไปอย่างไร ให้ความรู้สึกเหมือน เดิม หรือต่างไปอีก
ถ้าเห็นการเกิดดับตรงนี้ ลองดูว่า มีอะไรที่ควรเข้าไปยึด มีอะไรที่ยึดได้ มีอะไรที่บังคับได้ หรือยิ่ง เห็นธรรมชาติ การได้เห็นธรรมชาติการเกิดดับของรูปนามแบบนี้แล้ว ส่งผลต่อสภาพจิตเป็นอย่างไร ส่งผล ตอ่ สภาพจติ ใจเปน็ อยา่ งไร สง่ ผลใหส้ ภาพจติ ใจมคี วามผอ่ งใสขนึ้ สวา่ งขนึ้ สรปุ ไดไ้ หมวา่ การทจี่ ะชา ระจติ ใจ ของตนเอง การจะขดั เกลาจติ ใจ ชา ระจติ ใจใหผ้ อ่ งใส ใหส้ ะอาดขนึ้ ได้ กด็ ว้ ยการใสใ่ จอาการพระไตรลกั ษณ์ ใส่ใจอาการเกิดดับ ของแต่ละอารมณ์ที่เกิดขึ้นนั่นเอง
ถา้ เรานงั่ เฉย ๆ โดยทไี่ มใ่ สใ่ จอาการเกดิ ดบั แลว้ คดิ วา่ ...คดิ ใหจ้ ติ ผอ่ งใส ถามวา่ ทา ไดไ้ หม คดิ ...นงั่ คิด ๆ ให้จิตมันสว่าง สว่างไหม นั่งคิด ๆ ๆ เพื่อให้จิตมันสงบ บอกตัวเองว่า สงบนะ ๆ อย่าคิดอะไรนะ ไม่ต้องไปสนใจ ให้สงบ ๆ คือการที่กาหนดรู้อารมณ์ปัจจุบันแบบนี้ อย่างไหนที่จิตตั้งมั่นขึ้น สติดีขึ้น อย่าง ไหนทที่ า ใหค้ วามสงบมมี ากขนึ้ อยา่ งไหนทที่ า ใหจ้ ติ ผอ่ งใสไดม้ ากขนึ้ ไดเ้ รว็ ขนึ้ ทา อยา่ งไร...นคี่ อื การพจิ ารณา ว่าทาอย่างไร จิตที่ผ่องใสขึ้นมานี่นะ จะผ่องใสได้อย่างไร
เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรม ถามว่า...ทาไม ทาไมต้องใส่ใจอาการเกิดดับ ทาไมต้องใส่ใจ อาการ พระไตรลักษณ์ของแต่ละอารมณ์ เพราะแต่ละอารมณ์ แต่ละอาการเป็นธรรมชาติ ที่พูดเสมอว่า รูปนาม ขันธ์ห้าก็คือชีวิต แต่รูปนามขันธ์ห้าก็เกิดดับ และพระพุทธเจ้า ก็ให้เราพิจารณาอาการเกิดดับของรูปนาม ขันธ์ห้า ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของขันธ์ห้า เพื่อที่จะชาระจิตใจ ชาระอะไร ชาระโลภะ โทสะ โมหะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โมหะของเรา ความไม่รู้ ความไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้เห็นจริง ความรู้ผิด ที่เรียก ว่ามิจฉาทิฐิ