Page 90 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 90
610
เริ่มด้วยการดูจิตของเราขณะนี้ ดูสิว่าจิตใจขณะนี้รู้สึกอย่างไร ไม่ต้องหาใหม่นะ ต้องต่อจากตอน เมอื่ กนี้ ี้ ทนี่ งั่ รอเมอื่ กนี้ ี้ จติ ใจรสู้ กึ เปน็ อยา่ งไร สงบไหม เออ่ ! สงบ ไมก่ ระวนกระวายนะ ออ!รสู้ กึ นงั่ รออยา่ ง สงบเลย ไม่กระวนกระวายว่าอาจารย์จะมาไม่มา จะรู้สึกแบบ เอ่อ!นั่งสงบ ตรงนี้คือลักษณะของสภาพจิต แลว้ จติ ตรงน.ี้ ..สงั เกตไหมวา่ พอเหน็ จติ เราเหน็ จติ จติ ทเี่ บา จติ ทสี่ บาย ๆ พอแยกกบั กาย...อาจารยท์ บทวน เพราะจิตที่เบา ๆ กับกายแยกกัน ให้จิตที่เบา กว้างกว่ากาย กว้างกว่าตัวปึ๊บ ไปดูว่าที่จิตที่เบาสบาย ยิ่งดู ยิ่งเข้าไปดูที่จิตที่กว้างกว่าตัว รู้สึกเป็นอย่างไร เขาสบายขึ้นไหม เบาขึ้นไหม นี่คือการดูจิตในจิต
แล้วจิตที่เบาขึ้น จุดหนึ่งก็คือว่า จิตที่มันว่างขึ้น แยกออกไป ๆ ทาไมถึงเบาได้ ไม่มีเรา แต่พอมีเรา ปุ๊บนี่นะ มีเราเข้ามา รู้สึก...หนัก เขาไปแบกตอนไหน สังเกตไหม นี่นิดหนึ่งเอง ระหว่างมีเรากับไม่มีเรา ไม่ จาเป็นต้องทุกข์ แต่รู้ถึงความอิสระที่แตกต่างกัน พอจิตกว้างนี่นะ พอไม่มีเรา จิตที่กว้างออกไป เขารู้สึก เบา แต่พอมีเรา เขามี...หนัก ทั้ง ๆ ที่คาว่า เรา...ไม่มีรูปร่าง ขณะที่จิตกว้างออกไป ยังกลับมามอง เห็นตัว นั่งอยู่เป็นรูปร่างอยู่ได้ แต่ก็ยังเบา
สังเกตนะ นี่คือการที่เกิดที่เรียกว่าอุปาทาน ใครเป็นอุปาทาน ใครเป็นผู้อุปาทาน ไม่ใช่เพราะเรา อยากยึด แต่เพราะจิตที่เขาเข้าใจ เห็น เห็นเป็นความเป็นอัตตาขึ้นมานี่นะ ความหนักก็เกิดขึ้น แสดงว่าตรง ที่หนักนี่นะ พอมีอัตตามีความเป็นเรา จิตที่หนัก ๆ พอมีผัสสะกระทบขึ้นมา สิ่งที่ต้องทางานต่อ ทางานใน เบื้องต้นเลยคือ เรา คืออัตตาตรงนี้ ความหนักนี่นะ จิตที่มีความหนักมีอัตตามีกาแพงตัน ๆ เป็นตัวรับรู้ อารมณ์ แล้วสะท้อนกลับ มันไม่ได้สะท้อน กระทบแล้วสะท้อนกลับ กระทบแล้วเข้าถึงใจ
เพราะทสี่ ะทอ้ นกลบั ไปกเ็ ปน็ อกี แบบหนงึ่ ทสี่ ะทอ้ นกลบั ไปกค็ อื พลงั ความหนกั ความไมส่ บายนนี่ ะ กระจายออกไป แทนที่แค่อารมณ์นั้นสะท้อนกลับไป แล้วดับในที่ว่าง ๆ แต่เป็นความรู้สึกที่หนักที่ไม่สบาย กระจายออกไป คอื พลงั จติ ทไี่ มส่ บาย จติ ทไี่ มด่ นี นี่ ะ กระจายแผอ่ อกไปถงึ บคุ คล บคุ คลนนั้ ๆ บคุ คลทวั่ ไป อย่างที่เรา...ถ้าเราสภาพจิตเราไม่ดี ถ้าเรานั่งอยู่นี่นะ จิตใจไม่ดีสัก ๕ คน ลองดูบรรยากาศในนี้จะเป็น อย่างไร...หนักเลยนะ
ตอนนี้ลองดูสิว่า เรานั่ง ต่างคนต่างจิต จิตที่เบา ๆ จิตที่ว่าง ๆ จิตสงบ ลองสังเกตดูว่าบรรยากาศ ในหอธรรมนนี่ ะ รสู้ กึ เปน็ อยา่ งไร วา่ ง ๆ ...ไมว่ า่ งนะ...ลองดดู ี ๆ สิ เขามอี ะไร ดทู จี่ ติ เรา วา่ เราสมั ผสั อะไรได้ ลองดนู ะ พลงั จติ ของแตล่ ะคนทอี่ ยใู่ นบรรยากาศอนั นี้ ทแี่ ผอ่ อกมาตรงนี้ ลองดวู า่ รสู้ กึ เปน็ อยา่ งไร ใหค้ วาม รู้สึกนุ่มนวล อบอุ่น รู้สึกมีพลัง มีความหนาแน่น นี่คือพลังจิตของแต่ละคนที่แผ่ออกไป เกิดจากจิตที่ดี
เพราะฉะนั้นการดูจิตในจิตแบบนี้ เราจะเห็นถึง...สัมผัสได้ถึงพลังที่ออกไป ถ้าจิตดี พลังดีก็ออก มา ถ้าจิตไม่ดี พลังไม่ดีก็แผ่ออกไป แล้วเราจะรู้สึกว่า พอไปเจอ...เดินเฉียดคนที่สภาพจิตไม่ดี เราจะรู้สึก ว่า ต้องหลีก ต้องระวัง ต้องหลบ เพราะไม่หลีก เราไม่เป็นไร แต่เขาบางครั้ง เขาก็จะรู้สึกว่ารบกวนเขา มัน เป็นอะไรที่ อ๋อ! รบกวนเขา เพราะเขา...บรรยากาศเขาไม่ดี เพราะฉะนั้นนี่การที่ดูจิต ที่บอกว่าดูจิตในจิต การที่เราแยกจิตแล้วดูจิตแบบนี้ จิตที่ดีอันนี้ ที่...เมื่อเช้าโยคีถามว่า ทาอย่างไรจิตที่ดีนะ จะอยู่นาน ๆ โดย ตั้งอยู่นาน...ที่ใช้งาน เอาไปใช้ให้เยอะ ไปใช้ให้บ่อย นี่คือการเห็นจิต การดูจิต