Page 105 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาหัวข้อธรรม
P. 105

965
จะรู้อาการเกิดดับของความคิด ก็จะปฏิเสธความคิด ปฏิเสธไม่ให้เกิด ไม่ให้เกิด ก็อีกอย่างหนึ่ง กลายเป็น ว่าคลุกคลี หรือคล้อยตามความคิด ด้วยอาศัยเวทนานั้นเป็นตัวเข้ามาครอบงาจิตใจ หรือเข้ามารบกวนบีบ คั้นจิตใจ เข้ามาบีบคั้นให้เกิดความรู้สึกไม่ดี
แต่ในความคิดแบบนี้ พอมีอาการแบบนี้เกิดขึ้น สิ่งหนึ่งที่ต้องสังเกต หนึ่ง เมื่อกี้นี้ นอกจากการที่ เรารู้ว่าความคิดเกิดดับอย่างไรแล้ว อันนี้ต้องมีเจตนาชัดเจน เจตนาที่จะรู้ถึงว่า ความคิดที่เกิดขึ้นเกิดดับ อย่างไร จะดีหรือไม่ดีก็ตาม ๆ ต้องให้กาหนดรู้ความคิดเกิดดับอย่างไร อันที่จริงนะ ถ้าความคิดที่ดีที่เป็น กุศล ยิ่งคิดจิตมีความสุข แต่ให้เราใช้จิตที่ยิ่งมีความสุข มีความเบิกบาน มีความผ่องใส แต่ให้ระวังว่า ยิ่ง ผ่องใสเบิกบานแค่ไหนก็ตาม ก็ยังต้องสังเกตว่า มีความคิดนี้ขึ้นมา เกิดขึ้นมาจิตใจผ่องใสขึ้น แล้วความ คิดนี้ดับแบบนี้ ผ่องใสขึ้นมาแล้วดับ...ความคิดนะ ไม่ใช่ความผ่องใสดับ
ความผ่องใส คือจิตที่ดีที่เป็นกุศล จิตมีความผ่องใสมากขึ้น แต่ความคิดดับ ดับแบบเด็ดขาดขึ้น ดับแบบเลือนไป หรือแว็บหาย ๆ ยิ่งรู้สึกดีแล้วเขาก็ดับไป อันนี้คือเห็นอาการ สังเกตอาการเกิดดับของ ความคิด การที่เรามีเจตนาที่จะรู้แบบนี้ เจตนาที่จะรู้แบบนี้ที่บอกว่า ไม่ใช่แค่รู้ว่าเขาเกิดแล้วดับ ๆ แต่สิ่ง หนงึ่ ทตี่ อ้ งสงั เกต กค็ อื วา่ ลกั ษณะการเกดิ การดบั ของเขา ในแตล่ ะรอบในแตล่ ะครงั้ เขาตา่ งจากเดมิ อยา่ งไร ตวั นแี้ หละ รอบถดั ไป...มาครงั้ แรกแวบ็ หาย มาครงั้ ตอ่ ไปอาการแวบหายเรว็ ขนึ้ ๆ ๆ นนั่ กค็ อื ความแตกตา่ ง
อันนี้ ต้องมีเจตนาที่จะกาหนดรู้ความคิด ในการรู้อาการเกิดดับ ถ้าเรากาหนดรู้แบบนี้ ทาไมต้องรู้ ว่าเขาดับต่างจากเดิมอย่างไร เพราะอาการเกิดดับของอารมณ์เหล่านี้ เห็นดับแล้วนี่นะ เห็นว่าดับมีเศษ ไม่มีเศษ ดับแล้วเกลี้ยงไป ขาดไป ว่างไป หายไป ยิ่งดับจิตยิ่งใส ยิ่งสะอาด ยิ่งสว่าง ยิ่งสะอาดขึ้น ยิ่ง ผอ่งใสขนึ้สะอาดขนึ้หรอืเปลา่กด็ว้ยอาศยัการเกดิดบันแี้หละกาหนดรแู้บบนี้ทนีี้พอกาหนดรใู้นลกัษณะ ความต่างไป การที่สนใจถึงความแตกต่าง ของอาการเกิดการดับนี่นะ ตรงนี้เป็นวิธีการที่จะพัฒนา อย่างที่ เคยบอกว่า เป็นวิธีการที่จะเพิ่มสติของเรา ทาให้สติเรามีกาลังมากขึ้น
ถ้าเราสังเกต จะเห็นว่าจิตคนเรานี่นะ ไม่ชอบอยู่กับอารมณ์เดิม...จาเจ จะแสวงหาอารมณ์ใหม่ ไปเรื่อย ๆ อยากเห็นของแปลกของใหม่ แต่ความแปลกใหม่ของความคิด คือลักษณะการเกิดการดับที่ ต่างไป ถ้าใส่ใจในความคิด ที่ตอนนี้เกิดแบบนี้ ดับไป จิตเปลี่ยนเป็นแบบนี้ เกิดใหม่ต่างจากเดิมแบบนี้ ต่างจากเดิมเปลี่ยนเป็นแบบนี้ ๆ ตรงนั้น เขาจะมีอะไรให้ตามรู้ต่อเนื่อง
แลว้ การทตี่ ามรถู้ งึ ความเปลยี่ น ความตา่ ง ตรงนแี้ หละ ยงิ่ รวู้ า่ เขามคี วามแตกตา่ ง เปลยี่ นไปเรอื่ ย ๆ เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เห็นถึงความแตกต่างแบบนี้ จิตจะมีความตื่นตัว และจดจ่ออยู่กับอารมณ์นั้นได้นาน พอ จดจอ่ อยกู่ บั อารมณค์ วามเปลยี่ นแปลง ไดน้ านเทา่ ไหร่ สมาธกิ ต็ งั้ มนั่ นานขน้ึ เทา่ นนั้ และยงิ่ รชู้ ดั อยกู่ บั อารมณ์ ปจั จบุ นั แบบนี้ ดคู วามเปลยี่ นแปลงและรชู้ ดั อาการ รชู้ ดั ถงึ การเปลยี่ นแปลงไป สตกิ ย็ งิ่ ตน่ื ตวั จติ ยงิ่ ตงั้ มนั่ ขนึ้
และการเปลยี่ นแปลงตรงนแี้ หละ เขาเรยี กปญั ญาทเี่ หน็ ถงึ ความเปน็ อนจิ จงั ความเปลยี่ นแปลงทไี่ ม่ เหมือนเดิม แล้วก็จะรู้ว่าความคิดไม่เที่ยงเป็นแบบนี้ แล้วเราไปยึดความคิดอย่างไร แล้วความคิดบอกว่า


































































































   103   104   105   106   107