Page 17 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาหัวข้อธรรม
P. 17

877
การพิจารณาแบบนี้ทาให้เห็นอะไร ? เป็นการเห็นถึงว่าสักกายทิฏฐิ ความเป็นเรา ความเข้าใจ ว่าเป็นเรา ความเห็นว่าเป็นของเรา จะหายเกลี้ยงไปจากความรู้สึก เขาเรียกว่าละได้อย่างสิ้นเชิงจริง ๆ ก็คือเห็นชัดสนิทใจ ไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยว่ามันน่าจะมีเราซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ถ้ายัง สามารถทาหน้าที่รู้อารมณ์ต่าง ๆ ได้ ยังสามารถรับรู้เสียง รู้เย็น ร้อน อ่อน แข็ง เคร่งตึง หนัก เบา ได้ เหมือนเดิม แสดงว่าต้องมีเราซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง แต่การพิจารณาตรงนี้จะทาให้เห็นความจริงว่า ไม่มีใครซ่อนอยู่ที่ไหนเลย มีแต่อาการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป มีจิตดวงใหม่เกิดขึ้นมา-ทาหน้าที่รู้-ดับไป สืบเนื่องกันไปไม่ขาดสายด้วยธรรมชาติของวิถีจิตเอง
เอ๊ะ! ไม่ขาดสายแล้วจะเป็นคนละดวงได้อย่างไร ? ความสืบเนื่องสืบต่อตรงนี่แหละที่สาคัญ ความ มหัศจรรย์ของจิตคนเรา เราอาจจะสงสัยว่า ในเมื่อวิถีจิตเกิดดับอยู่อย่างนี้ จิตดวงเก่าดับไป จิตดวงใหม่ เกิดขึ้นมา... แต่ทาไมเรายังสืบต่อยังจารสชาติในอดีตที่ผ่านมาเมื่อปีที่แล้วหรือเมื่อสี่ห้าปีก่อนได้ ทั้ง ๆ ที่ เป็นจิตดวงใหม่ ? จิตดวงใหม่เกิดขึ้นมารับรู้เวทนาส่วนนั้น สภาพจิตตอนนั้น รสชาติตอนนั้น ส่งผลทาให้ ในปจั จบุ นั เราสรา้ งกรรมอะไรตอ่ ไป นกี่ ค็ อื ความเชอื่ มโยงสบื ตอ่ เรารวู้ า่ เปน็ จติ ดวงใหมเ่ กดิ ขนึ้ แตก่ ย็ งั รสู้ กึ จาได้ระลึกได้ นี่คือธรรมชาติ นี่คือความมหัศจรรย์ของจิตเรา
และจิตที่มีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลานี้ ก็เหมือนเราเกิด-ตายตลอดเวลา ถามว่า รูปนามที่กาลัง ปรากฏอยู่ขณะนี้เป็นรูปนามเดิมหรือเป็นรูปนามใหม่ ? เมื่อเป็นรูปนามใหม่ จะต่างอะไรจากการตายแล้ว เกิดใหม่ เพียงแต่ว่าไม่ต้องตายแบบบัญญัติที่เราเห็นว่ารูปน้ีเสื่อมสลายไป ในขณะเดียวกันพอสติเรามี กาลัง รูปอันนี้ไม่มีความหมายเลย เป็นของว่างเปล่า สิ่งที่เกิดขึ้นขณะน้ีคืออารมณ์ปัจจุบันที่กาลังปรากฏ อย่างเช่น ได้ยินเสียง เสียงเป็นรูป จิตที่ไปรู้เป็นนาม พอรูปนามนี้ดับไป รูปนามใหม่เกิดขึ้นมา มาดูที่รูป รูปก็ว่างเปล่า ถามว่า รูปที่ว่างเปล่าตรงนี้ต่างกันอย่างไรกับการที่ถึงเวลาสุดท้ายแล้วรูปเราเสื่อมสลายกลับ ไปสู่ธาตุเหมือนเดิม ?
เป็นความว่างเปล่าเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ว่าการเห็นรูปนามใหม่เรายังสามารถกลับมาทาหน้าที่ รับรู้ได้ตามปกติ การเห็นอย่างนี้สอนอะไรแก่เรา ? นี่คือความว่างเปล่า แล้วชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นมานี่สอน อะไรกับเรา ? เรายังควรยึดติดไหม ? หรือเราควรปล่อยวางผ่อนคลายขึ้น ? การที่มีสติรู้อยู่กับปัจจุบัน จะทาให้เราเห็นจิตดวงใหม่ที่ผ่องใสขึ้นสะอาดขึ้น และถ้าอยู่กับจิตดวงใหม่ อารมณ์ใหม่ รูปใหม่ ลองดูว่า เราอยู่กับปัจจุบันได้มากแค่ไหน ? จิตดวงใหม่ที่เกิดขึ้นในแต่ละขณะ ดีกว่าเดิมอย่างไร... สะอาดกว่าเดิม อิสระกว่าเดิม สบายกว่าเดิม เบากว่าเดิม สว่างกว่าเดิมไหม ?
เพราะฉะนั้น ลองดูว่า ถ้าเราอยู่กับปัจจุบันขณะอยู่เนือง ๆ ในลักษณะอย่างนี้แล้ว จิตดวงใหม่ที่ เกดิ ขนึ้ ดอี ยา่ งไร ? มคี วามผอ่ งใส สตดิ ี มคี วามตงั้ มนั่ มคี วามสขุ มคี วามเบกิ บาน ถา้ จติ ตรงนที้ า งานอยบู่ น พื้นฐานจิตดวงใหม่ที่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ จะเป็นอย่างไร ? นี่ก็ต้องค้นคว้าวิจัยนะ พิจารณาดูว่า ถ้ารับรู้อารมณ์ ต่าง ๆ ด้วยจิตดวงใหม่ที่เกิดขึ้น เห็นจริง ๆ ว่าเป็นจิตดวงใหม่ขึ้นมารับรู้ใหม่ ลองสังเกตดูว่า สภาพจิต เป็นอย่างไร ? การรับรู้ในลักษณะอย่างนี้จะทาให้ชีวิตเป็นอย่างไร ? นี่แหละคือการพิจารณาผลที่เกิดขึ้น


































































































   15   16   17   18   19