Page 15 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาหัวข้อธรรม
P. 15

875
และเห็นว่าตัวความรู้สึกที่เข้าไปในความสงบแต่ละครั้งเขาดับอยา่งไรก่อนที่จะโล่งขึ้นกลายเป็นอาการพระ ไตรลกั ษณ์ รอู้ าการเกดิ ดบั ไป นคี่ อื การเจาะสภาวะ เขาเรยี ก “ดจู ติ ในจติ ” และตวั จติ ทเี่ ขา้ ไปรคู้ วามโลง่ ความ เบาเอง รู้แล้วก็ดับ รู้แล้วดับ รู้แล้วดับ... เป็นจิตดวงใหม่ขึ้นมา
ทีนี้ พอรู้จิตดวงใหม่ เป็นเรื่องของวิถีจิต วิถีจิตเขาทางานเร็วโดยธรรมชาติ เพราะฉะนั้น จิตดวงนี้ ดับไป ต้องรู้ทันทีว่าจิตดวงใหม่เกิดหรือยัง เกิดหรือยัง... ทันไหม ทันจิตดวงใหม่ไหม ? มีเจตนาที่จะรู้ จิตดวงใหม่ที่เกิดขึ้น เหมือนความคิดนั่นแหละ พอเริ่มจะเกิดก็รู้ทัน เริ่มจะเกิดก็รู้ทัน รู้ทัน... ไม่ว่าจะเร็ว ขึ้นแค่ไหนก็ตาม ลองดูสิว่า คาว่า “ลัดนิ้วมือเดียวจิตเกิดดับแสนโกฏิดวง” นี่เราจะทันแค่ไหน สติของเรา จะไวแค่ไหน การกาหนดรู้ตรงนี้ ถ้าเห็นเกิดดับ เกิดดับ เกิดดับ... ต่อเนื่องไปจนเขาสิ้นสุดช่วงหนึ่งตาม กาลังของเรา ผลที่ตามมาคือสภาพจิตเป็นอย่างไร นี่ก็คือการเจาะสภาวะอย่างหนึ่ง
การเจาะสภาวะ เราทาได้เฉพาะในอิริยาบถหลัก หรือทาได้ทุก ๆ อิริยาบถ ? ทาได้ทุกอิริยาบถเลย ไม่ว่าจะเป็นยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทา พูด คิด เวลาพูดเจาะสภาวะได้ด้วยเหรอ ? อันนี้สาคัญมาก ๆ เรา อาจจะเคยได้ยินว่าครูบาอาจารย์ที่แสดงธรรมแล้วบรรลุธรรมไปด้วยในตัว ขณะพูดเราเห็นอาการ พระไตรลักษณ์ตรงไหน ? ถ้าเราไม่เคยสังเกต เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพูดแล้วจะมีสติรู้เท่าทันไหม จริง ๆ แล้วเวลาเราพูดออกเสียงแต่ละคา พอสติมีกาลัง เห็นการเกิดดับของเสียง เกิดดับเป็นคา ๆ ๆ จากเสียงที่ เป็นคา เปลี่ยนมาเป็นอาการขยับของปากเป็นขณะ ๆ ๆ แล้วอาการเกิดดับถี่ขึ้นละเอียดขึ้นเป็นระยะ ๆ ไป ตรงนี้คืออาการเกิดดับของรูปที่เราสามารถกาหนดรู้อาการพระไตรลักษณ์ได้นี้
พูดถึงอาการเกิดดับคงจะคล้าย ๆ เล่าสภาวะตัวเองไป ยิ่งเห็นอาการเกิดดับ จิตยิ่งผ่องใส ยิ่งสว่าง ดบั เดด็ ขาดมากขนึ้ กร็ ไู้ ปตามอาการ พจิ ารณาอาการไปพดู ไป เหมอื นทเี่ ราปฏบิ ตั แิ ลว้ บางทเี รากร็ สู้ กึ วา่ ทา ไม เราต้องพากย์ตัวเองด้วย บางคนพอเห็นอาการเกิดดับเกิดขึ้นมา ก็มีคากากับพากย์ เดี๋ยวอย่างนั้นเดี๋ยว อย่างนี้ พากย์ไปพูดไปเรื่อย ๆ แล้วก็จะรู้สึกทาไมเราต้องพากย์ต้องพูด นั่นแหละคือการแสดงธรรมที่เรา สามารถพิจารณาอาการพระไตรลักษณ์ได้ และที่บอกว่าการเจาะสภาวะใช้ในอิริยาบถย่อยได้ ให้สังเกตว่า เวลาเราสนทนาแล้วมีบรรยากาศรองรับ คาพูดที่ออกไปแต่ละคาเป็นอย่างไร ? พูดจบคาหนึ่ง เขาดับแล้ว เงียบสนิท ดับแล้วเงียบสนิท... ว่างไป
ดับแต่ละคาแตกต่างกันแยกส่วนกันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้พูดเรื่องเดียวกันแต่คาพูดแต่ละคานั้น แยกส่วนกันชัดเจน เห็นชัดว่าไม่ได้เป็นอันเดียวกัน พูดประโยคเดียวกัน แต่แต่ละคาแตกต่างกัน นี่คือ ความละเอยี ดของจติ ทสี่ ามารถสงั เกตได้ กา หนดรอู้ าการเกดิ ดบั ได้ พอเจาะสภาวะเปน็ ปรมตั ถจ์ รงิ ๆ คา พดู ก็จะหายไปเหลือแต่อาการเกิดดับที่กาลังปรากฏอยู่ นั่นคือแม้ชั่วขณะหนึ่ง ๆ เพราะฉะนั้น การเจาะสภาวะ ทาได้ทุก ๆ อิริยาบถ แต่ขณะพูดจะเป็นเรื่องยากนิดหนึ่งสาหรับผู้ที่สติยังอ่อน กาลังยังไม่ดี หรือไม่เข้าใจ วิธีกาหนดถ้าพูดเมื่อไหร่ก็หลุดเมื่อนั้น พูดเมื่อไหร่ก็หลุดเมื่อนั้น กลายเป็นว่าใช้ยาก
ทีนี้ เวลาเดินจงกรม เราเจาะสภาวะอย่างไร ? จริง ๆ แล้ว “การเดินจงกรมก็ไม่ต่างกับการเดิน ทวั่ ไป หรอื การเดนิ ทวั่ ไปกไ็ มต่ า่ งจากการเดนิ จงกรม ถา้ เรามบี รรยากาศรองรบั ” นเี่ หน็ ไหม มเี งอื่ นไขเสมอวา่


































































































   13   14   15   16   17