Page 16 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาหัวข้อธรรม
P. 16

876
ถา้ มบี รรยากาศรองรบั ทา ไมถงึ ใชค้ า วา่ “ถา้ มบี รรยากาศรองรบั ” ? เพราะเมอื่ ไหรก่ ต็ ามทมี่ บี รรยากาศรองรบั นั่นคือขณะนั้นจิตมีกาลัง มีความสงบ พอมีบรรยากาศรองรับ จิตมีความสงบ มีความตั้งมั่น นั่นคือมีสมาธิ พอกาลังสมาธิดี และมีเจตนาที่จะรู้อาการเคลื่อนไหวหรืออาการเดินที่กาลังปรากฏขึ้นอยู่ในบรรยากาศ สติก็จะมีกาลัง แล้วก็จะชัดเจน
เมื่อเรามีเจตนาที่จะรู้อาการเกิดดับในขณะที่เราเดินอยู่ในบรรยากาศอันน้ี ให้มีสติเข้าไปกาหนดรู้ แล้วจะเห็นว่าการเดินแต่ละก้าวนั้นมีอาการเกิดดับอย่างไร แล้วมุ่งไปที่ลักษณะอาการเกิดดับของการก้าว ไปแต่ละก้าว แต่ละก้าว... มุ่งไปที่อาการเกิดดับเหมือนกับการกาหนดรู้ลมหายใจ เหมือนกับการกาหนดรู้ อาการพองยุบเลย แต่มีเจตนาที่จะรู้อาการเกิดดับของอาการเคลื่อนไหวนั้น นั่นเป็นการเจาะสภาวะ เดิน ๆ อยู่ก็สามารถเข้าถึงธรรมะได้ คือบรรลุธรรมได้ เดินก็เข้าถึงได้ นั่งเข้าถึงได้ นอนก็เข้าถึงได้ แต่นอนก็อาจ จะสบายไปนิดหนึ่ง เข้าถึงได้ง่ายหน่อยคือความหลับ! บางทีดับสนิทเลย สติดับหายไป รู้ตัวอีกทีได้ตื่น หนึ่งแล้ว
เมื่อไหร่ที่มีบรรยากาศรองรับ จะเป็นการเข้าไปกาหนดรู้แบบไม่มีตัวตน ไม่มีเรา มีแต่สติ สมาธิ ปัญญา และมีเจตนาที่จะเข้าไปพิจารณาอาการที่กาลังปรากฏว่าเกิดดับในลักษณะอย่างไร เจตนาที่จะรู้ว่า เกิดดับอย่างไรเป็นตัวเพิ่มปัญญาอย่างหนึ่ง เจตนาจึงเป็นสิ่งสาคัญ และไม่ว่าจะกาหนดรู้อาการของกาย ของเวทนา ของจติ หรอื ของธรรมกต็ าม ตอ่ ไปเมอื่ มเี จตนาทจี่ ะเจาะสภาวะเพอื่ ใหล้ ะเอยี ดมากยงิ่ ขนึ้ อยา่ งเชน่ เรากาหนดลมหายใจจนตัวว่างไป เบาไป หายไป เหลือแต่ความใส ๆ สว่าง ๆ บริเวณตัว ไม่มีรูปร่างของตัว จา ไดแ้ ตไ่ มม่ รี ปู รา่ งของตวั ในความรสู้ กึ เรา ตรงนแี้ หละอตั ถบญั ญตั คิ วามเปน็ กลมุ่ กอ้ นหายไป เปน็ การคลาย อุปาทานในรูปขันธ์ เหลือแค่อาการที่ปรากฏขึ้นมา
การทเี่ รากา หนดรใู้ นลกั ษณะอยา่ งนี้ เวลาเจาะสภาวะเราไมม่ ตี วั ตน ไมม่ โี ลภะโทสะ ไมม่ เี รา เหมอื น กับไม่มีกิเลส แล้วต้องรู้ต่อไหม ? รู้ ที่ต้องรู้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ตัวจิตที่ทาหน้าที่รู้ว่าไม่มีอะไรเอง ตรงนี้ เขาเรียกตัวจิตรู้ ใจรู้ ธาตุรู้ วิญญาณรู้ ตัวที่ทาหน้าที่รู้ เรียกว่าจิตหรือวิญญาณ ถ้าจัดอยู่ในขันธ์ เขาเรียก วิญญาณขันธ์ ถ้าจัดเป็นธาตุ ก็เป็นวิญญาณธาตุหรือเป็นตัวธาตุรู้ ทาหน้าที่รู้ แต่พอประกอบด้วยเจตนา ก็จะเป็นตัวรู้ที่ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะขึ้นมา ตัวเขาเองก็ยังรู้ตัวเขาเองได้ หน้าที่ของจิตคือทาหน้าที่รู้ อารมณ์อื่น แล้วก็รู้ตัวเองไปในตัว
เหมือนเราตามรู้อาการเกิดดับของเสียง ของรูป ของเวทนาที่เกิดขึ้น แล้วกลับมาดูว่าตัวที่ทา หน้าที่รู้เองเขาเกิดดับด้วยหรือเปล่า การที่เรามีเจตนารู้อาการเกิดดับของรูปนามทั้งหมด แม้แต่ตัวรู้เองก็ ดับไปด้วย จะได้เห็นชัดมากขึ้นอีกว่าแล้วใครเป็นผู้ดู ไม่มีเรา มีแต่จิตดวงใหม่เกิดขึ้นมาทาหน้าที่รู้แล้ว ก็ดับไป แล้วตัวรู้นี่เป็นใคร ? คนเรามักจะยึดเอาตัวรู้หรือใจรู้ว่าเป็นเรา เราเป็นผู้รู้ เราเป็นผู้ดู เราเป็นผู้เห็น เราเป็นผู้รับ ถามว่า พอเราเห็นอาการเกิดดับตรงนี้ จิตดวงไหนบอกว่าเป็นตัวเราของเรา ? เขาเกิดขึ้นมา รู้แล้วก็ดับไป เกิดขึ้นมารู้แล้วก็ดับไป จิตดวงใหม่ก็เกิดต่อ เกิดต่อ เกิดต่อ... แล้วตรงไหนเป็นของเรา ?


































































































   14   15   16   17   18