Page 57 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาหัวข้อธรรม
P. 57

917
เข้าหายใจออก หายใจเข้าหายใจออกอย่างเดียว โดยท่ีไม่สนใจการเกิดหรือดับ ของอาการของลมหายใจ อันน้ีอย่างหน่ึง อีกอย่างหน่ึง สาหรับบุคคลท่ีหายใจแล้วมันไม่มีอะไร แต่เวลาหายใจเข้าออก อาการที่ท้อง มีอาการกระเพ่ือมข้ึนกระเพ่ือมลง ท่ีเขาเรียกว่าพองยุบ
จึงใช้คาบัญญัติข้ึนมา ให้รู้ว่าอาการอะไร ทางกาย...อะไรท่ีปรากฏชัดสาหรับเรา เราก็รู้ว่าอาการน้ัน มนั ถงึ จะไดเ้ หน็ วา่ อาการทางกายทปี่ รากฏทเ่ี กดิ ขน้ึ นน้ั เกดิ ดบั อยา่ งไร ตรงนเ้ี ปน็ ขน้ั ตอน เปน็ แนวทางทเ่ี ขา ค่อย ๆ ทาให้เรามีอารมณ์หลัก การท่ีมีอารมณ์หลักอย่างนี้เพื่ออะไร ก็เพ่ือพัฒนาสติ สมาธิ ปัญญา ท่ีจะ เข้าสู่สภาวะปรมัตถ์ ท่ีละเอียดมากกว่าน้ัน ถ้าไม่อาศัยอารมณ์อย่างน้ี อยู่ ๆ จะไปหาเลย โดยท่ีสติ สมาธิ มีกาลังไม่พอ ไม่สามารถมองเห็น เราไม่สามารถมองเห็นอารมณ์ปรมัตถ์ ถ้าสติสมาธิไม่มีกาลังพอ
ถึงจะคิดอย่างไร ก็จะคล้าย ๆ ว่า เหมือนกับเราพยายามคิดพยายามหา แต่คิดไปไม่ถึง เพราะ สภาวะกาลังไม่ถึง อย่างไรก็ไม่เห็น เราคิดอย่างไรก็ตาม เรานั่งอยู่ที่ตรัง (จ.ตรัง) เราก็พยายามคิด ๆ ๆ ๆ กรงุ เทพฯ คงจะเปน็ แบบนมี้ งั้ จะเปน็ อยา่ งนนั้ เขาบอกมตี กึ สงู ๆ เรากไ็ ปเหน็ ตกึ ทตี่ รงั คงจะสงู แบบนแี้ หละ เคยเห็นแล้วตึกสูง แต่ความสูงระดับของเขา ต่างกันอย่างไร สภาวธรรมที่เกิดขึ้นก็เช่นเดียวกัน เหมือนลม หายใจ มีอาการเกิดดับ มันก็ไม่เที่ยง ๆ แต่ลักษณะของความไม่เที่ยงนั้น ต่างกันอย่างไร ลักษณะการเกิด การดับ ต่างกันอย่างไร นี่คือตัวเบื้องต้นที่เราจะกาหนดรู้
ทีนี้ การเห็นอาการเกิดดับของอารมณ์ที่เป็นบัญญัติ เห็นอารมณ์ภายนอกเกิดดับ อย่างเช่นเราเห็น แคเ่ สยี งเกดิ ดบั อยา่ งเดยี ว เหน็ แคเ่ สยี งเกดิ ดบั ๆ ในขณะทตี่ ามรเู้ สยี งอยา่ งเดยี ว...เกดิ ดบั ถา้ ตามรตู้ อ่ เนอื่ ง มีเสียงเป็นอารมณ์เดียว สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือ กาลังของสติกับสมาธิ สติสมาธิมีกาลังมากขึ้น ตั้งมั่นขึ้น มั่นคงขึ้น แ ต ป่ ญั ญ า ท เี ่ ห น็ อ า ก า ร พ ร ะ ไ ต ร ล กั ษ ณ ์ ถ า้ ไ ม เ่ ห น็ ก า ร เ ก ดิ ก า ร ด บั ข อ ง เ ส ยี ง เ ข า เ ร ยี ก ไ ม เ่ ห น็ . . . ป ญั ญ า ว ปิ สั ส น า ไม่เกิดขึ้น ภาวนามยปัญญายังไม่ปรากฏ แต่สติสมาธินั้นมีกาลัง
แต่พอเห็นว่า เสียงดับแต่ละขณะ ๆ นั่นจะเริ่มเห็นลักษณะเป็นอารมณ์ เป็นอาการพระไตรลักษณ์ ตรงที่ดับตรงนี้ เห็นเสียงเกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับ พอยิ่งตั้งมั่นขึ้น เห็นอาการเกิดดับนั้นหมดไป จิตยิ่งรู้สึก ตื่นตัวขึ้นใสขึ้น อันนี้คือเห็นอาการเกิดดับของรูป แต่จะตัดได้จริง ๆ คือเห็นแบบนี้ ก็ยังตัดอะไร...ตัดการ ปรุงแต่งไปได้ระดับหนึ่ง ตัดความหลง ความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเที่ยง อันนั้นระดับหนึ่ง
เห็นแค่เสียงเกิดดับนะ ทาให้เราเข้าใจถึงความเป็นการเกิดดับ ความไม่เที่ยง ความเป็นอนัตตาของ เสยี งทบี่ งั คบั ไมไ่ ด้ แตก่ ารทจี่ ะตดั ตดั การสบื ตอ่ วงจร พอเหน็ ปบุ๊ พออาการนนั้ ดบั ตวั จติ เอง จติ ทที่ า หนา้ ทรี่ ู้ ...ดับ ดับไปพร้อมอาการทุกครั้ง ๆ ตรงนี้จะตัดวงจร ตัดอะไร ตัดอารมณ์ต่าง ๆ ตัดตัวกิเลส ตัดความ ยินดีพอใจ ตัดเวทนา ตัดตัวตัณหาอุปาทานเกิดขึ้นมา พอเขาดับทุกครั้งจิตจะเปลี่ยน เวลาอารมณ์ดับ มี ผัสสะ มีเวทนาขึ้นมา
พอดบั ปบ๊ึ ...ถา้ เมอื่ ไหรเ่ หน็ จติ ดบั ดว้ ย จติ ดวงใหมข่ นึ้ มานนี่ ะเขาจะเปลยี่ น ตา่ งจากเดมิ เปลยี่ นเปน็ อย่างไร เปลี่ยนเป็น เห็นชัดเลยว่าเป็นจิตดวงใหม่ มันถูกตัดไป ตรงนี้ตัดอารมณ์ที่จะตามไปปรุงแต่งต่อ...


































































































   55   56   57   58   59