Page 83 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาหัวข้อธรรม
P. 83

943
เปลี่ยนแปลงการเกิดดับแบบนี้ ส่งผลต่อสภาพจิต ทาให้จิตเกิดความตั้งมั่น เกิดความผ่องใส เกิดความ ตื่นตัว เกิดความสว่างขึ้นมา นั่นคือประโยชน์ที่เกิดขึ้นแล้ว แล้วอาการตรงนี้บอกอะไรกับเราอีก ?
ลองพจิ ารณาดวู า่ ขณะทกี่ า ลงั กา หนดรอู้ าการเกดิ ดบั อยนู่ ี้ มคี วามรสู้ กึ วา่ เปน็ เราไหม มตี วั ตนไหม ? ถ้าเราพิจารณาดี ๆ อาการเกิดดับนี้อาศัยอะไร ? อาศัยลมหายใจ อาศัยอาการเต้นของหัวใจ ก็คืออาศัย อาการของรูปของร่างกายอันนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดดับตลอดเวลา ยิ่งเป็นสภาวะปรมัตถ์...เกิดดับอยู่ ตลอดเวลา อย่างที่บอกว่าแม้แต่รูปละเอียดของเรา-ระดับเซลล์ ก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดดับตลอดเวลา ตรงนี้แหละที่เราสามารถเห็นได้ด้วยปัญญา ไม่ได้บอกว่าเป็นเซลล์ไหนอะไร แต่เป็นลักษณะสภาวธรรมที่ ปรากฏเกิดขึ้นมาด้วยการอาศัยกาลังของสติ สมาธิ และปัญญา คือการใส่ใจ
ปัญญาอย่างหนึ่ง การทาความเข้าใจถึงกฎไตรลักษณ์ กฎไตรลักษณ์อันนี้เป็นธรรมะเป็นคาสอน ของพระพทุ ธเจา้ ทพี่ ระองคท์ รงคน้ พบวา่ รปู นามขนั ธห์ า้ ทงั้ หลายทงั้ ปวงทเี่ กดิ ขนึ้ มานนั้ ลว้ นตงั้ อยใู่ นกฎของ ไตรลกั ษณ์ สงั ขารทงั้ หลายทงั้ ปวงไมเ่ ทยี่ ง สงั ขารทงั้ หลายทงั้ ปวงเปน็ ทกุ ข์ ธรรมทงั้ หลายทงั้ ปวงเปน็ อนตั ตา นั่นคือกฎไตรลักษณ์ที่พระองค์ทรงค้นพบแล้วก็นามาเผยแผ่ ไม่ใช่แค่เพียงค้นพบ แต่เป็นผู้ค้นพบแล้ว ได้รับประโยชน์จากสิ่งนั้น คือทาให้จิตพ้นจากความทุกข์ และที่สาคัญคือตัดวัฏสงสารหรือสังสารวัฏ การ เวยี นวา่ ยตายเกดิ ทไี่ มม่ จี ดุ เรมิ่ ตน้ ไมม่ ที สี่ นิ้ สดุ แตส่ ามารถสนิ้ สดุ ไดด้ ว้ ยการเขา้ ไปกา หนดรถู้ งึ กฎไตรลกั ษณ์ อันนี้
และอาการพระไตรลักษณ์หรือกฎไตรลักษณ์อันนี้ ไม่มีอะไรที่อยู่นอกเหนือ ไม่ว่าจะอยู่ใน ตัวหรือนอกตัวก็อยู่ในกฎของไตรลักษณ์ แต่ขณะที่เราปฏิบัติธรรม สิ่งที่เราใส่ใจคืออารมณ์ที่กาลัง ปรากฏอยู่เฉพาะหน้า ถามว่า ในตัวนอกตัวเป็นอย่างไร ? อย่างเช่น อารมณ์ภายใน ที่เรากาหนดรู้ ลมหายใจ กาหนดอาการเต้นของหัวใจ อาการเคร่งตึง ความปวดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น พอสติ-สมาธิแก่กล้าขึ้น กลบั เหน็ วา่ แมแ้ ตล่ มหายใจทเี่ กดิ ขนึ้ มากเ็ กดิ อยใู่ นทวี่ า่ ง ๆ ไมม่ รี า่ งกาย/ไมม่ รี ปู รองรบั ถงึ แมเ้ กดิ บรเิ วณตวั บริเวณรูปแต่ไม่มีรูปร่างของตัวรองรับ มีแต่ความว่าง ๆ แม้แต่อาการเต้นของหัวใจก็ยังเกิดอยู่ในที่ว่าง ๆ
ทา ไมถงึ เหน็ เปน็ ความวา่ งได้ ? เกดิ เพราะเราลมื หรอื ไมใ่ สใ่ จ หรอื เกดิ เพราะวา่ จติ คลายจากอปุ าทาน เหน็ วา่ จติ กบั อาการนนั้ เปน็ คนละสว่ นกนั ? จติ กบั รปู เปน็ คนละสว่ นกนั จติ จงึ คลายจากอปุ าทาน เพกิ บญั ญตั ิ ละความเปน็ รปู รา่ งความเปน็ กลมุ่ กอ้ น ยงิ่ เหน็ ชดั เขา้ ไปอกี วา่ รปู นไี้ มม่ แี กน่ สารไมม่ สี าระทจี่ ะยดึ ไดเ้ ลย เพราะ ฉะนั้น รูปในชาตินี้ไม่สามารถยึดหรืออาศัยเป็นสรณะเพื่อไปเกิดในภพภูมิต่อไปได้ ถ้าเกิดในภพภูมิต่อไป ก็เป็นรูปใหม่เป็นร่างกายอันใหม่ไป ไม่ได้พาเอาร่างกายนี้ไปเลย เพราะฉะนั้น ในภพภูมินี้เราอาศัยรูปอันนี้ ชั่วขณะชั่วเวลาหนึ่งแค่นั้นเอง
แตส่ งิ่ ทดี่ า รงอยคู่ อื อะไร ? คอื จติ แตพ่ อพดู ถงึ สภาวะปรมตั ถ์ จติ ทที่ า หนา้ ทรี่ กู้ เ็ กดิ ดบั อกี แลว้ อะไร ที่สานต่อสืบต่อถึงความตั้งอยู่ของคนเราที่ข้ามภพข้ามชาติ ? ถ้าเราพิจารณาดี ๆ เราจะเห็นว่าอะไรที่ทาให้ เรายึดติดกับอารมณ์ในอดีต ตั้งแต่ปีที่แล้ว เดือนที่แล้ว อาทิตย์ที่แล้ว สองวันที่ผ่านมา หรือชั่วโมงที่แล้ว... ที่เราเชื่อมโยงมาจนถึงปัจจุบัน ความเชื่อมโยงนี้คือรสชาติของอารมณ์ที่เกาะเกี่ยวอยู่ภายในจิตใจของเรา


































































































   81   82   83   84   85