Page 96 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาหัวข้อธรรม
P. 96

956
เพราะฉะน้ัน เม่ือมีความคิดเกิดข้ึนมา ถ้าเราเอาความคิดน้ันมาเป็นอารมณ์กรรมฐาน เป็นอารมณ์ วิปัสสนากรรมฐาน ด้วยการยกจิต เข้าไปพิจารณาถึงกฎไตรลักษณ์ ถึงการเกิดข้ึน ต้ังอยู่ ดับไป ความคิด ก็สักแต่ว่าความคิด ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองอะไรก็ตาม ก็ล้วนแล้วตั้งอยู่ในกฎไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ต้ังอยู่ ดับไป
เพราะฉะน้ัน ขณะท่ีเจริญกรรมฐาน ครูบาอาจารย์บางท่านจึงบอกว่า ให้กาหนดรู้ถึงการเกิดข้ึน ต้ัง อยู่ ดับไปของความคิด กาหนดดับ ๆ โดยท่ีไม่สนใจเร่ืองราว ท่ีเป็นบัญญัติของความคิด ว่าคิดเร่ืองอะไร เนน้ ทอ่ี าการพระไตรลกั ษณใ์ หเ้ รว็ ยง่ิ รอู้ าการเกดิ ดบั เรว็ เทา่ ไหร่ เปน็ การเพกิ บญั ญตั ิ จะทา ใหค้ ลายอปุ าทาน ได้เร็ว จบได้เร็ว แล้วจิตก็จะมีความต้ังม่ันข้ึน เพราะฉะน้ัน ความคิดจึงเป็นอารมณ์กรรมฐานอย่างหนึ่ง ความคิดก็ไม่ใช่อุปสรรค ของการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน แต่เป็นสภาวธรรมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น ทาไมถึง บอกว่าไม่ใช่อุปสรรค ที่เป็นอุปสรรคเพราะไม่เข้าใจว่า ความคิดก็คือสภาวธรรมอย่างหนึ่ง ธรรมชาติของ ขันธ์ทั้ง ๕ อย่างหนึ่ง เป็นสัญญาขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ เขาเรียกจิตตสังขาร การปรุงแต่งทางจิตที่เกิดขึ้นมา
ถา้ พจิ ารณาอยา่ งดี ๆ ความคดิ ทเี่ กดิ ขนึ้ มา กอ่ นทจี่ ะมกี ารปรงุ แตง่ สว่ นใหญก่ อ็ าศยั สญั ญา สญั ญา ที่ปรากฏเกิดขึ้นมา เรื่องราวเก่า ๆ ที่ผ่านมาในชีวิตประจาวันของเรา ที่ผ่านมาในอดีต พอมีความคิดเป็น สัญญาผุดขึ้นมานิดหนึ่ง เห็นแล้วก็ปรุงแต่งต่อไป คิดต่อไป กลายเป็นตัวสังขาร จิตตสังขารเกิดขึ้นมาต่อ ม สี ญั ญ า เ ก ดิ ข นึ ้ ม า แ ล ว้ ก ป็ ร งุ แ ต ง่ ต อ่ ไ ป แ ต ถ่ า้ ก า ห น ด ร ้ ู ม เี จ ต น า ท จี ่ ะ ก า ห น ด ร ค้ ู ว า ม ค ดิ ท เี ่ ก ดิ ข นึ ้ พ อ ม คี ว า ม คดิ เกดิ ขนึ้ มสี ตเิ ขา้ ไปกา หนดรู้ วา่ เรอื่ งนเี้ ปน็ เรอื่ งของอดดี แลว้ กด็ บั ไป เรอื่ งนเี้ คยเกดิ ขนึ้ มาแลว้ ดบั ไป เรอื่ ง นี้ยังค้างอยู่ เกิดขึ้นมาแล้ว กาหนดรู้ดับไป รู้อาการพระไตรลักษณ์ และเห็นชัด
กาหนดรู้ถึงความเป็นคนละส่วน ระหว่างจิตที่ทาหน้าที่รู้กับความคิดที่เกิดขึ้น ก็จะกลายเป็นว่า ความคิดก็เป็นปกติธรรมดา เป็นสภาวธรรมอย่างหนึ่ง ที่เราสามารถยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา เอามาเป็นอารมณ์ กรรมฐาน เพื่อพิจารณาอาการพระไตรลักษณ์ของความคิด ของอารมณ์นั้น ๆ ไป เพื่อพัฒนาสติ สมาธิ ปัญญา ให้แก่กล้าขึ้น ให้จิตคลายจากอุปาทาน ทาให้จิตเราอิสระ ไม่ถูกครอบงาด้วยความคิด จริง ๆ แล้ว ถ้าพิจารณาให้ชัดเจน ความคิดไม่ได้ครอบงาจิตใจ แต่โมหะ อวิชชาหรือความไม่รู้ต่างหากที่ครอบงาจิตใจ ทาให้เข้าไปยึดติดว่าความคิดเป็นของไม่เที่ยง เป็นศัตรู เป็นอารมณ์ที่ทาได้ยาก ดับได้ยาก
เพราะอะไร เพราะความอยาก...นา แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าเราพิจารณาดี ๆ สังเกตดี ๆ ว่ายังไม่ ตอ้ งมคี วามอยาก มอี ะไร แคต่ งั้ สติ แลว้ สงั เกตดวู า่ ความคดิ ทเี่ กดิ ขนึ้ มาแตล่ ะขณะ แตล่ ะขณะ ไมใ่ ชแ่ ตล่ ะ เรื่อง แต่ละขณะในเรื่องหนึ่งเกิดกี่ขณะ เรื่องหนึ่งเกิดขึ้นมา ภาพปรากฏหลาย ๆ ภาพ เป็นขณะ ๆ ขึ้นมา เราสังเกตดูว่า แต่ละขณะ เขามีอาการเกิดขึ้นแล้วตั้งอยู่ หรือว่าเกิดขึ้นมาแล้วก็ผ่านไป ภาพใหม่ปรากฏขึ้น มา เรื่องใหม่ปรากฏขึ้นมา ต่อเนื่องเป็นกระบวนไป นั่นแหละคือความเปลี่ยนแปลง ความไม่เที่ยงของตัว ความคิดเอง
แล้วทาไม...ถ้าเราไม่สังเกตแบบนี้ ก็จะเห็นว่า ความคิดเกิดแล้วก็ตั้งอยู่ ๆ คล้าย ๆ กับเวทนา หรือ ความทุกข์นั่นแหละ เหมือนความทุกข์ตั้งอยู่ตลอดเวลา เพราะอะไร เพราะสติ สมาธิและปัญญา ไม่แก่กล้า พอ จึงไม่สามารถเห็นถึงอาการพระไตรลักษณ์ ถึงกฎธรรมชาติตรงนั้นได้ เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่การ


































































































   94   95   96   97   98