Page 134 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 134
110
ให้เราพิจารณาถึงเจตนาของเรา แล้วเราก็จะมีเป้าหมายชัดเจน มีตัว มุ่งที่ชัดเจนที่จะปฏิบัติ มีความเพียรที่จะปฏิบัติเพื่อไปสู่เป้าหมายอันนั้น
ถ้าเรารู้จุดหมายอย่างนี้ดียังไง ? นึกถึงเป้าหมายตอนนี้แล้วดี ยังไง ? รู้สึกยังไง ? ความเพียรของเราเป็นอย่างไร ? กระตุ้นจิตใจตัวเองมาก น้อยแค่ไหน ? กระตุ้นตัวเราเองให้ระลึกอยู่เสมอว่า เป้าหมายของเรายังไม่ สิ้นสุด ยังต้องเดินต่อไป ฉะนั้น การชะล่าใจ ไม่เพียร ก็จะทาให้การปฏิบัติ เราเนิ่นช้า การเดินทางของเรานั้นเนิ่นช้าออกไป
ในการปฏิบัติอาจจะลาบากบ้าง แต่ถ้าเรามีความเพียร มีความตั้งมั่น มีเป้าหมายที่ชัดเจน ผลของความเพียรของเรา ก็จะส่งผลดังที่เราปรารถนา อย่างที่หลาย ๆ คนได้ประสบ บางคนก็เดินไปถึงจุดหมายปลายทางบางส่วน ถึงแม้ยังไม่ถึงจุดหมายสูงสุดที่เราตั้งเอาไว้ แต่ก็เดินไปสู่จุดหมายปลายทาง บางส่วนที่เราอยากจะเข้าไปถึง หรือคิดว่าไปถึงแล้วรู้สึกดี ปลอดภัย คาว่า “ปลอดภัย” ในที่นี้ ปลอดภัยจากอะไร ? ปลอดภัยจากความทุกข์ระดับหนึ่ง จากภยันตรายในระดับหนึ่ง ที่จะไม่เวียนว่ายตายเกิดไปหลาย ๆ ภพชาติ อันนี้จุดหนึ่ง
อีกอย่างหนึ่งที่เราต้องพิจารณาก็คือว่า เวลาเราปฏิบัติในแต่ละวัน แต่ละวัน.. แต่ละครั้ง เราได้อะไรจากการปฏิบัติของเรา ในแต่ละบัลลังก์ นอกจากสภาวะอาการเกิดดับที่ปรากฏขึ้นมา ? ถึงบอกว่าดูทั้ง “อาการเกิด ดับ” ดูทั้ง “สภาพจิต” ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับจิตใจของเรา สภาพจิตใจของ เราเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ดีอย่างไร ตรงนี้จะรู้ว่าผลที่ได้รับเป็นอย่างไร ใน แต่ละขณะ
ถ้าเราไม่พิจารณาอย่างนี้ หรือเรารู้ว่าอยากจะไปให้ถึง อยากจะไป ให้ถึง แต่ไม่รู้ว่า ขณะที่เราปฏิบัติแต่ละขณะ เราได้อะไร สภาพจิตเราเป็น อย่างไร ธรรมะดีอย่างไร แล้วเวลาสภาวธรรมที่ดี จิตที่ผ่องใสเกิดขึ้น รู้ไหม จิตผ่องใสนั้นดีอย่างไร จิตที่ไม่มีความทุกข์ดีอย่างไร ตรงนี้เรียกว่าดูสภาพ