Page 228 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 228

204
เป็นอย่างนั้นเอง เป็นอย่างนั้นแหละ เรามีหน้าที่รับรู้ ทาความเข้าใจ แล้ว ปล่อยวางไป ใจจะได้สงบ ไม่ไหลตาม ไม่คล้อยตาม เมื่อไม่ไหลตาม ไม่ คล้อยตาม ก็ทาให้สงบ ทาให้อิสระ ไม่ถูกพันธนาการด้วยโลภะ โทสะ โมหะ เพราะความไม่รู้จึงทาให้เกิดโลภะ เพราะความไม่รู้จึงเปิดโอกาสให้โทสะเกิด ขึ้นมา อกุศลธรรมทั้ง ๓ อย่าง โลภะ โทสะ โมหะ เป็นรากเหง้าของอกุศล ธรรมทั้งปวง นั่นแหละทาไมมนุษย์เราจึงเวียนว่ายตายเกิดไม่มีที่สิ้นสุด
เรามาวันนี้ มาทาการบูชาพระพุทธเจ้า เมื่อเรามาน้อมระลึกถึง พระพุทธเจ้า เราจะระลึกถึงธรรมะข้อไหนอย่างไร เพื่อให้เราได้เจริญรอย ตามพระพุทธเจ้า ที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ เพราะฉะนั้น ถึงบอกว่า เรา พิจารณาเห็นไหมว่า การเกิดเป็นทุกข์อย่างไร การแก่เป็นทุกข์อย่างไร ความ ตายเป็นทุกข์ไหม ถ้าเราเห็นอย่างนี้ เราก็จะได้เห็นว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ทุกข์อย่างนี้เอง พระพุทธเจ้าองค์ใด ๆ ที่อุบัติขึ้นมาบนโลกใบนี้ ก็ตรัสรู้เรื่อง ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ รู้ว่าทุกข์ดับแล้ว ก็คือเข้า สู่นิพพาน
เพราะฉะนั้น เมื่อเราพิจารณา เราจะเห็นว่า อ๋อ! ความทุกข์เป็น แบบนี้ แล้วเกิดความเบื่อหน่าย เขาเรียกว่า “เกิดนิพพิทา” เกิดความเบื่อ หน่ายในรูปนามขันธ์ ๕ ในวัฏสงสาร ที่มีการเกิดดับเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เวลายงิ่เราปฏบิตัธิรรมพจิารณาอาการของรปูนามทเี่ปน็ปจัจบุนัขณะทกี่าลงั ปรากฏอยู่ขณะนี้ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทา พูด คิด ก็จะมี แต่การเกิดดับเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เห็นแล้วน่าเบื่อหน่าย ชีวิตนี้ไม่มี อะไรเที่ยงเลย มีแต่การเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา “เบื่อหน่ายด้วยปัญญา” เพราะว่าเห็นความไม่เที่ยง ความไม่ตั้งมั่นของรูปนาม เมื่อเบื่อหน่ายแล้ว ก็ จะแสวงหาทางพ้นทุกข์ ความออกจากทุกข์จริง ๆ
การที่จะออกจากทุกข์ได้จริง ๆ ก็ต้อง “เห็นความจริง” ความจริงของ อะไร ? ความจริงของรูปนาม ของชีวิตที่กาลังเป็นไปอยู่นี่แหละ ว่าจริง ๆ


































































































   226   227   228   229   230