Page 360 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 360

336
เมื่อปฏิบัติแล้วรู้สึกว่าจิตเราเริ่มผ่อนคลาย การยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์ต่าง ๆ เริ่มลดลงน้อยลง อายุอารมณ์ ความทุกข์เราสั้นลง แสดงว่าเราเริ่มเดินถูกทาง แล้ว เหลือเพียงแต่ “ความเพียร” ที่ต้องทาให้ต่อเนื่อง
ถ้าอยากจะหลุดพ้นอย่างสิ้นเชิง “ความเพียรต้องทาต่อเนื่อง” ไม่ใช่ ทา ๆ หยุด ๆ ทา ๆ หยุด ๆ ทาเหมือนเต่า ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ผลุบ ๆ โผล่ ๆ พอจะเดินที ก็โผล่หัวออกมาแล้วเดิน พอถึงเวลาอิ่มแล้ว ก็เข้าไปซุกหัวอยู่ ในกระดอง แล้วก็นอนอยู่นั่นแหละ... การปฏิบัติธรรมของเราก็เหมือนกัน เมื่อไหร่ที่รู้สึกหิวรู้สึกทุกข์ ก็ไปปฏิบัติธรรมสักหน่อย โผล่หน้าออกมา เดิน เข้าหาวัด เดินเข้าหาที่ปฏิบัติธรรม พอความทุกข์หาย ก็หายไปอีก กลายเป็น ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ไป
ฉะนั้น ถ้าเราต้องการดับทุกข์อย่างสิ้นเชิง เราต้องทาแบบเต่า เหมือนกัน ไม่ใช่แบบกระต่าย แบบเต่าคือ “เดินไม่หยุด” เพียรอยู่นั่นแหละ เดินไปเรื่อย เรื่อย... ถึงจะช้าก็ยังมีความเพียร ช้าแต่ก็ทา ก็ยังดีกว่าช้าแล้ว ไม่ทาเลย นั่นแหละเป้าหมายของชีวิตเรา ถ้าปฏิบัติธรรมที่จะเป็นไปเพื่อ ความดับทุกข์ เราก็จะต้องมีความเพียร ต้องเตือนสติตัวเองบ่อย ๆ หรือ เตือนตัวเองอยู่เนือง ๆ ว่า “จงทา จงทา จงทา” และ “จงมีธรรมเป็นที่พึ่ง” ชีวิตจะได้มีความสุข เจริญพร
ก่อนที่จะลุก เรามาแผ่เมตตากันก่อนนะ... ยังไงเสียเราได้ทาบุญด้วย การปฏบิ ตั ธิ รรม ทา บญุ ดว้ ยการฟงั ธรรม ทา บญุ ดว้ ยการทา ใจของเราใหผ้ อ่ งใส ทาบุญด้วยการทาใจของเราให้เบิกบานให้มีความสุขแล้ว เราก็มาน้อมแผ่บุญ กุศลอันนี้ให้กับผู้มีพระคุณทั้งหลาย พ่อแม่ที่ให้ชีวิตกับเรา ผู้มีคุณอันยิ่งใหญ่ ถ้าไม่มีพ่อแม่ เราก็ไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก เพราะฉะนั้น พ่อแม่จึงมีคุณอัน ยิ่งใหญ่ แล้วมานั่งตรงนี้ “ดี” อย่างไร ? ถ้าเราพิจารณา เราก็จะเห็นว่า สิ่งที่ เราได้รู้อย่างหนึ่งจากการปฏิบัติธรรมของเราเองก็คือ เราได้รู้ความจริงในสิ่ง ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไม่มากก็น้อย หรือธรรมะที่พระพุทธเจ้าได้สอนเอาไว้


































































































   358   359   360   361   362