Page 386 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 386

362
เรามีเจตนา มีเป้าหมายที่ดี ที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เดี๋ยวมันก็ ดีเอง! ถ้าเรามาแก้ที่ตัวเราเอง อะไร ๆ ก็จะดีขึ้น ถ้าปัญหาเกิดขึ้นเพราะ ความไม่ฉลาดของเรา เราก็แก้ตัวเองให้ฉลาดขึ้น ถ้าเราไปแก้คนอื่นให้ฉลาด ขึ้น เราก็ยังโง่เท่าเดิม เจอปัญหาอีก เราก็ทุกข์อีก เราต้องพัฒนาตัวเอง ให้ฉลาดขึ้น ฉลาดขึ้น นี่แหละทาไมเราจึงปฏิบัติธรรม เราพิจารณาอดีต เอาอดีตมาเป็นครู เอาปัจจุบันมาพิจารณามาทาวิจัย เขาเรียก “ธัมมวิจยะ” การสอดส่องธรรม พิจารณาสภาวธรรมในปัจจุบัน ดูการเกิดขึ้น การตั้งอยู่ การดับไป ความไม่มีตัวตน ความมีตัวตน ความทุกข์เกิดขึ้นเราจะดับ อย่างไร ? ทาแบบไหนความทุกข์เราจะดับเร็วที่สุด ? คิดอย่างไรเราถึงจะไม่ ทุกข์ ? คิดอย่างไรถึงจะสบายใจ ?
มีอะไรบ้างที่เราคิดไม่ถึง ? หลาย ๆ อย่างเราอ้วนเกิน ลงพุงจนคาด ไม่ถึง! เข็มขัดสั้นหมดแล้ว! ไม่ออกกา ลังกายสมองของเรา ไม่คิดพิจารณาอยู่ เรื่อย ๆ ออกกาลังกายอยู่เรื่อย ๆ ถ้าคิดพิจารณาเรื่องที่เกิดขึ้นว่าแก้อย่างไร ทาอย่างไร ดับอย่างไร ก็จะฉลาดขึ้น สติปัญญาจะว่องไวขึ้น ถ้าเราไม่ได้คิด ไม่ได้ใช้มัน ไม่พิจารณามัน กลายเป็นว่าอะไรเกิดขึ้นมาก็คาดไม่ถึง เรื่องนี้ คาดไม่ถึง ลงพุงแล้ว!
ทีนี้ ที่เราปฏิบัติธรรม มีสติรู้ปัจจุบัน สิ่งสาคัญที่สุดก็คือ การกาหนด อารมณ์ ที่บอกว่า “ธัมมวิจยะ” คือการสอดส่องธรรม พิจารณาสภาวธรรม ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้น ที่เข้ามาทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทาง ใจ พิจารณาอย่างไร ? พิจารณาไม่ใช่เพื่อเข้าไปยึด พิจารณาเพื่อที่จะละ เพื่อ ที่จะปล่อยวาง เพื่อที่จะไม่ทุกข์ เห็นแล้ว อ๋อ! เป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นอย่าง นั้นแหละ! ใจก็จะสงบ ใจก็จะสบาย จะปล่อยวางได้ง่ายขึ้น
เราเกดิ มาอาศยั กรรมในอดตี เกดิ มาแลว้ กส็ รา้ งกรรมใหมต่ อ่ ตอนเกดิ มาก็กามือแน่นร้องไห้ เอามา เอามา... อยู่นั่นแหละ เราเกิดมาแสดงอาการ กามือแน่น อยากจะเอาอย่างเดียว มาพร้อมกับกา มาพร้อมกับกรรม พอ


































































































   384   385   386   387   388