Page 398 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 398

374
ที่พุ่งเข้ามา พุ่งเข้ามา แต่ตัวที่พุ่งเข้ามาไม่ใช่พลัง พลังคือรู้สึกตื่นตัว มั่นคง แต่อาศัยอาการที่พุ่งเข้ามา แต่พอเราบอกว่าอาการที่พุ่งเข้ามาเป็นพลังปุ๊บ เราจะไม่ได้สังเกตอาการเกิดดับของตัวที่พุ่งเข้ามา ไม่สนใจอาการที่พุ่งเข้า มาว่า พุ่ง พุ่ง แล้วเขาหายอย่างไร จะรู้สึกแต่ว่ามีพลัง มีพลัง มีพลัง... พอ อาการตรงนี้หมดปุ๊บ เราก็จะไปหาอาการเกิดดับ บางครั้งรู้สึกว่าจิตมีพลัง ขึ้น แต่ก็หาอาการเกิดดับไม่เจอ เพราะเข้าใจว่าอาการเกิดดับที่เห็นเป็นพลัง เสียแล้ว
ลองสังเกตดูสิ ไม่ว่าจะพุ่งเข้ามาหรือพุ่งออกไป อย่างเช่น พอดับปุ๊บ มีพลังวาบเข้ามา นั่นคือผลของการเห็นอาการเกิดดับ แล้วรู้สึกมีพลังขึ้นมา ถามว่า ผิดไหม ? ไม่ผิด อันนั้นถูกแล้ว นั่นเป็นผลที่ตามมา แต่เวลาเรา สังเกตอาการวาบเข้ามากระทบปุ๊บ มันหายวุบไป แต่รู้สึกพลังยังตั้งอยู่ คือ อาการที่วาบเข้ามากระทบดับไป แต่พลังตั้งอยู่หรือเพิ่มขึ้น แต่ถ้าพลังดับหรือ พลังหมด หมายถึงว่ามันดับปุ๊บ จากที่เคยมั่นคงอยู่หายไปหมด ความมั่นคง ไม่มี ความตื่นตัวไม่มี กลายเป็นอ่อนแรงไปเลย อันนั้นคือพลังหมด
ถ้าเห็นอาการเข้ามาแล้วดับปุ๊บ จิตมีพลังมากขึ้น ดับแล้วมีกาลังมาก ขึ้น มากขึ้น ถามว่า พลังที่เพิ่มขึ้นให้ความรู้สึกเป็นอย่างไร ? ตื่นตัวมากขึ้น หนักแน่นขึ้น มั่นคงขึ้น จิตตั้งมั่นมากขึ้น สว่างขึ้น ใสขึ้น ? ความรู้สึกเรา ใสขึ้น สว่างขึ้น อาการเกิดดับเกิดเร็วขึ้น นั่นเป็นผลที่ตามมาว่าเรากาหนด อย่างไร ถ้ามันขยายแล้วกว้าง มีอาการกระเพื่อม ๆ นั่นก็คืออาการเกิดดับ อย่างหนึ่ง มีอาการซ่าเกิดขึ้น อาการซ่าก็คืออาการเกิดดับ พอซ่าแล้วรู้สึก ยังไง ? รู้สึกอิ่ม รู้สึกสดชื่น หรือซ่าแล้วก็เฉย ๆ ? ถ้าที่รูปมีอาการ ยิบ ๆ ๆ ๆ แล้วก็หายไป นั่นก็คืออาการเกิดดับ เป็นเพราะสติสมาธิมีกาลัง มากขึ้น อาการยิบ ๆ จึงปรากฏขึ้นมา
เพราะฉะนั้น มาดูที่รูป รูปมีอาการระยิบระยับ เราก็สังเกตอาการนั้น ไป แต่ตรงที่เรารู้สึกมีกาลังขึ้น ระยิบระยับไปหมด เราพูดถึงอาการหรือพูดถึง


































































































   396   397   398   399   400