Page 497 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 497

473
มีเป้าหมายแล้วก็ต้องเอาจริง ทาทุก ๆ ขณะเดี๋ยวมันก็ไปเอง แล้วสิ่งที่เราทา น้ามันคือความดีต่าง ๆ ที่เราทามา บุญกุศลที่เราทา เอามาเป็นกาลังของเรา ให้มีกาลังมากยิ่งขึ้น นึกถึงแล้วมีความสุข จิตใจมี กาลัง มีความอิ่มใจพอใจ... เติมความเพียร พิจารณาสภาวะทุก ๆ อย่างที่ เกิดขึ้น ใส่ใจที่จะรู้ ที่จะดู ที่จะเห็น ถึงความเป็นไปของเขาว่าเป็นไปใน ลักษณะอย่างไร ทาไมต้องให้สังเกตความแตกต่างของสภาวะแต่ละขณะ ? เขาต่างกันอย่างไรทั้งลักษณะอาการเกิดดับและสภาพจิตใจ ? ถ้าไม่บอก อย่างนี้เราก็ไม่ใส่ใจสังเกตความต่างหรอก ก็จะรู้สึกเหมือนเดิม ๆ แต่การ สังเกตความต่าง นั่นคือทางที่ต้องเดิน เหมือนเราเดินไปแต่ละก้าว ตรงนี้ก็
อย่างหนึ่ง ตรงนี้ก็อย่างหนึ่ง นั่นคือการพัฒนาไปเรื่อย ๆ การเดินจงกรมเป็นเรื่องแปลกอย่าง เราแค่เดินกลับไปกลับมา สุด
แล้วก็เดินกลับ สุดแล้วก็เดินกลับ... แปลกตรงที่ว่ายิ่งเดินจิตเรายิ่งไปข้าง หน้า ปัญญาเรายิ่งเจริญก้าวหน้า ไม่ได้กลับไปกลับมา เรายิ่งเดินจงกรม เราก็จะยิ่งข้ามภพชาติไปเรื่อย ๆ เห็นอาการเกิดดับ ชีวิตเราเดินไปข้างหน้า แค่เดินกลับไปกลับมา แต่ถ้าเราไม่พิจารณาอาการเกิดดับของการเดิน ทั้ง ๆ ที่อยากจะไป ตายแล้วก็ยังกลับมาเกิดใหม่อยู่ดี กิเลสเราไม่หมดไป ไม่เห็น อาการพระไตรลักษณ์ ไม่เห็นการเกิดดับของรูปนาม ก็ยึดติดกับการเกิดไป เรื่อย ๆ ๆ เดินไปก็ยังอยู่ที่เดิม
เพราะฉะนั้น ถึงบอกว่าการเดินจงกรม แค่เดินสุดแล้วก็เดินกลับ สังเกตอาการพระไตรลักษณ์เกิดดับ สติปัญญาเราพัฒนาไปข้างหน้าเรื่อย ๆ แล้วจิตเราก็จะพัฒนาไปข้างหน้าเรื่อย ๆ เป็นความมหัศจรรย์! เหมือนเรา นั่งกรรมฐาน เรานั่งอยู่กับที่แค่ตามอาการเกิดดับ อาการเกิดดับทาให้เรา ตัดภพชาติ พาให้เราหลุดพ้นจากภพภูมิได้ แค่เรานั่งตามอาการเกิดดับของ รูปนามอย่างเดียว ไม่ต้องไปตามหาใครเลย แค่อยู่ตรงนี้ขณะนี้เดี๋ยวนี้ ตาม หาที่ตัวนี่แหละ ดูรูปนามนี่แหละ เห็นไหม ไม่ต้องไปไหนไกลเลย อยู่ใกล้ ๆ


































































































   495   496   497   498   499