Page 503 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 503

479
ตรงนี้ที่บอกว่า ขณะที่ตามติดอาการเกิดดับต่อเนื่อง สภาพจิตใจเรา รู้สึกอย่างไร ? รู้สึกนิ่งขึ้น ตื่นตัวมากขึ้น สงบมากขึ้น ตั้งมั่นมากขึ้น เบาขึ้น โล่งขึ้น สว่างขึ้น ใสขึ้น ? อันนี้พูดถึงขณะเล็ก แต่ละขณะ แต่ละขณะ แต่ พออาการเกิดดับสิ้นสุด บรรยากาศของสภาพจิตโดยรวมเปลี่ยนไปอย่างไร ? ก็อาศัยขณะเล็กนี่แหละ รู้สึกสงบ รู้สึกว่าง รู้สึกเบา รู้สึกสว่าง ทีนี้ พอรู้สึก สว่าง รู้สึกว่าง รู้สึกเบา แล้วดีอย่างไร ? ให้ความรู้สึกดีหรือไม่ดี ? อันนี้ เราบอกตัวเองได้ แล้วถามว่า พออาการนั้นหมดไป จิตรู้สึกโล่งขึ้น เป็น อย่างไร ? รู้สึกดีไม่ดี ? รู้สึกเฉย ๆ ?
สังเกตว่า จิตที่โล่งดีอย่างไร ? ถ้ารู้สึกว่าอาการเกิดดับหมดไป แล้ว รู้สึกโล่ง โล่งต่างจากเดิมอย่างไร ? ต่างจากก่อนที่เราจะไปกาหนดอาการ เกิดดับนั้น ก่อนที่เราจะเกาะติดอาการเกิดดับนั้นอย่างไร ? จิตของเรา เปลี่ยนไป ตรงที่ว่าสะอาดขึ้น สว่างขึ้นไหม ? ส่วนใหญ่บางทีเรามองข้าม เห็นแต่แสงสว่าง รู้สึกแต่ว่ามันว่างมันโล่ง แต่บอกไม่ถูกว่าเป็นความโล่ง ของอะไร เป็นสิ่งที่ต้องรู้หรือต้องเข้าใจว่า ที่โล่งคือความรู้สึกหรือจิตนั่นเอง ไม่ใช่แค่บรรยากาศโล่ง ๆ ว่าง ๆ ที่ข้างหน้าเฉย ๆ แต่ใจรู้สึกไม่โล่ง อันนี้ ต้องสังเกตดี ๆ ถ้าธรรมชาติรอบตัวว่าง แต่ใจไม่ว่าง ความสงบความสบาย ก็จะต่างกันออกไป
เราจะเห็นว่าถ้ารอบ ๆ ตัวว่าง แต่ใจเราไม่ว่าง จะมีตัวตนเกิดขึ้นมา และวุ่นวาย เพราะฉะนั้น ให้สังเกตว่าเวลาว่าง อะไรว่าง ? ต้องรู้สึกได้ว่าใจ เราว่างขึ้น โล่งขึ้น สงบขึ้น เพราะการกาหนดอาการเกิดดับคือการขัดเกลา จิตใจของเรา เพราะฉะนั้น เราจะรู้ว่า อ๋อ! กาหนดตัวนี้ทาให้สภาพจิต เปลี่ยนไปแบบนี้ พอเพิ่มตัวมุ่ง ทาให้สภาพจิตเปลี่ยนไปแบบนี้ อาการเกิด ดับเปลี่ยนไปแบบนี้ ความต่อเนื่องของอารมณ์เราจะเห็นชัด เราจะจาได้ว่า ทาแบบนี้แล้วผลเป็นอย่างไรตามมา เพราะเราขัดเกลาจิตใจของเรา เพราะ ฉะนั้น ต้องสังเกตทั้งขณะเล็กและขณะใหญ่ ไม่ใช่แค่รู้แค่อาการเกิดดับ


































































































   501   502   503   504   505