Page 514 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 514

490
จะจา ใส่ใจที่จะจา ถ้าจาได้มันจบ พอถามปุ๊บ มันจะปรากฏขึ้นมา อีกอย่าง หนึ่งที่จาไม่ได้คือ เห็นไม่ชัดเลยทาให้จาไม่ได้ โดยธรรมชาติของจิตเรา ถ้าเรา เห็นชัด ได้ยินชัด รู้ชัด จะจาไม่ลืม อารมณ์ที่มีกาลังเราจะจาได้แม่น แต่ถ้า เห็นไม่ชัด สภาวะไม่ชัดเจน สติไม่ดี เราก็จะรู้สึกว่าจาไม่ได้ ถามแล้วก็ยังนึก ไม่ออก! เพราะฉะนั้น ลองสังเกตดี ๆ สภาวะที่เกิดขึ้นเวลาเรากาหนดแต่ ละครั้ง จึงบอกว่าให้รู้ชัดในรู้ รู้ว่ากาหนดอะไร สภาพจิตเป็นอย่างไร
อีกอย่างหนึ่ง สภาพจิตที่เปลี่ยนไปนี่ พูดถึงทั้งขณะใหญ่และขณะ เล็ก “ขณะใหญ่” หมายถึงว่า รู้สึกได้เลยว่าตั้งแต่ปฏิบัติมา สภาพจิตเปลี่ยน เป็นแบบนี้ อายุอารมณ์เป็นแบบนี้ เรารู้ว่าเราดีขึ้นอย่างไรหรือไม่ดีอย่างไร อย่างน้อยแค่รู้สึกว่าเห็นอะไรชัดขึ้น สภาพจิตเริ่มนิ่งขึ้น ๆ ก็จะเห็นชัดแล้ว ก็ใช้ได้! แล้วอีกอย่างหนึ่ง ในบางช่วงบางขณะหรือบางสภาวะ อาจารย์บอก ว่าช่วงนี้ให้เน้นดูสภาพจิต ให้ดูสภาพจิตให้เยอะ หมายถึงว่าให้ดูสภาพจิต บ่อย ๆ รู้สภาพจิตเป็นหลัก การที่ให้ดูสภาพจิตเป็นหลัก ไม่ใช่ไม่สนใจ อาการเกิดดับ...
อย่างเช่น เราดูสภาพจิต เห็นปุ๊บ จิตเราสงบ พอเข้าไปในอาการ สงบ เขามีอาการเปลี่ยนแบบนี้ ยิ่งดู เข้าไปอีก เขาเปลี่ยนแบบนี้ ยิ่งดูไป เขาเปลี่ยนเป็นอย่างนี้... ตรงที่ “เปลี่ยน” นั่นแหละ คือลักษณะการเกิดดับ ของเขา แล้วความรู้สึกที่เข้าไปมีอาการดับก่อนไหม ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นใส ขึ้น ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสงบขึ้น ? ยิ่งกาหนดรู้สภาพจิตไปเรื่อย ๆ จิตยิ่ง มีกาลังมากขึ้น อาการเกิดดับของอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งก็จะปรากฏขึ้นมา ให้เราได้รู้ชัดเจนขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นอาการเกิดดับของตัวความรู้สึก หรือ อารมณ์ภายนอก รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส หรือต้นจิต อิริยาบถย่อยของ เรา ก็จะปรากฏชัดขึ้นมาเหมือนกันเมื่อสภาพจิตใจเรามีกาลังมากขึ้น
แล้วการดูสภาพจิต ขณะที่ได้ยินเสียงเกิดขึ้นมา ขณะที่สภาพจิตสงบ เสียงที่ได้ยินมีลักษณะอย่างไร ? เกิดดับในลักษณะอย่างไร ? นั่นเป็นผลที่


































































































   512   513   514   515   516