Page 91 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 91

67
หรือไม่ ? เห็นไหมว่า อารมณ์ที่เกิดขึ้น เกิดตามเหตุปัจจัยหรือเกิดเพราะ เราอยากให้เกิด เขาเป็นไปตามเหตุปัจจัยหรือเป็นไปตามความอยาก ? อันนี้ คือการพิจารณาสภาวธรรมที่เกิดขึ้น พิจารณาด้วยเหตุด้วยผล
ถา้เราพจิารณาดว้ยความรสู้กึทไี่มม่ตีวัตนใชค้วามรสู้กึทวี่า่งพจิารณา ดูรูปอันนี้ที่กาลังนั่งอยู่ รูปอันนี้ที่กาลังนั่งอยู่รู้สึกยังไง ? มีรูปร่างหรือว่าง เปล่า ? มีแก่นสารมีสาระที่เราจะสามารถยึดมั่นถือมั่นเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง สูงสุดได้หรือไม่ ? สังเกตไหมว่า เมื่อพิจารณาดูแล้ว “รูปกลับว่างเปล่า” รูป ที่ว่างเปล่า บอกอะไรกับเรา ? รูปว่างเปล่า จิตว่างเปล่า อันนี้จะพูดซ้า เคย พูดมาแล้วว่า ถ้าเรากาหนดรู้ว่ารูปไม่มีอะไร พิจารณาดูแล้วรูปว่างเปล่า จิต ก็ว่างเปล่า เขาบอกอะไรกับเรา ? บอกถึงธรรมชาติของรูปนามเป็น “ของว่าง เปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน” เป็นสุญญตา
แต่ถ้ารู้ว่าเป็นใคร นั่นคือเป็นบัญญัติ รับรู้ “สมมติสัจจะ” เป็นความ จริงโดยสมมติ ความเป็นเราเป็นเขา เป็นตัวเป็นตน เป็นคนเป็นสัตว์เป็นวัตถุ ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เป็นความจริงโดยสมมติ แต่ความจริงโดยเป็นสัจธรรม จริง ๆ เป็นปรมัตถธรรม คือความว่างเปล่า ไม่มีอะไร มีแต่จิตที่ทาหน้าที่รู้ อย่างเดียว เหมือนกับว่าพอถึงที่สุดแล้วถ้ารูปนี้หายไป ถ้ารูปนี้เสื่อมไปสลาย ไป ที่สุดจะเหลืออะไร ? เหลือแต่ใจหรือจิตดวงเดียวที่ทาหน้าที่รู้ อันนี้ขึ้น อยู่กับว่าสภาพจิตของเราเป็นอย่างไร ถ้าจิตที่มีความละเอียดอ่อน มีความ ผ่องใส หรือมีธรรมะ หรือภาวะจิตที่ละเอียด รูปก็จะหายไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ ที่จิตไม่ละเอียด รูปก็ยังอยู่ เป็นที่อยู่อาศัยใหม่ หารูปใหม่เป็นที่ตั้ง
เพราะฉะนั้น การพิจารณารู้ถึงความไม่มีตัวตน รูปว่างเปล่า เขา ประกาศอะไร ? บอกอะไรกับเรา ? ควรหรือไม่ ที่เราจะเข้าไปยึดมั่นถือมั่น ว่า รูปนี้เป็นของเราและห้ามเสื่อมสลาย ? เราห้ามไม่ได้ ดูแลได้ เป็นที่อาศัย ไม่ใช่เป็นที่ยึดที่ถาวร เป็นที่อาศัยเหมือนบ้านหลังหนึ่ง มีที่อาศัยหลบฝน หลบแดด พอเราออกไป บ้านนี้ก็ว่างเปล่า แล้วก็เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา


































































































   89   90   91   92   93