Page 101 - รายงานกิจการประจำปี 2561และการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2561
P. 101
รายงานกิจการประจำาปี 2561 และ
การประชุมใหญ่สามัญประจำาปี 2561 95
7. นายพิทยา ทิพยโสตถิ ประธานกรรมการ ชี้แจงว่า ไม่เคยพูดว่าเป็นฝ่ายไหนฝ่ายไหน แต่พูดว่า
คณะกรรมการดำาเนินการขณะนี้รวมตัวกันแล้วมาบริหารจัดการองค์กร เพียงแต่เล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างไร เพื่อ
ให้สมาชิกทราบว่า เมื่อเลือกกรรมการเข้ามาแล้ว กรรมการเข้ามาทำาอะไรบ้าง ดังนั้น จึงไม่ควรพูดว่าแตกแยก กรรมการ
ไม่ได้แตกแยก ยังดูแลกันเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าวิธีการทำางานแตกต่างกันเท่านั้น แต่เมื่อได้พูดคุยกันไปนาน ๆ แล้ว
ก็เกิดความเข้าใจและจับมือกันเดินต่อไป
ระเบียบวาระที่ 4 พิจารณาการจ่ายค่าอาหารสำาหรับผู้มาลงชื่อประชุมใหญ่
นายพิทยา ทิพยโสตถิ ประธานกรรมการ แจ้งว่า ขณะนี้คณะกรรมการดำาเนินการ ชุดที่ 42 ได้ทำา
กรอบไว้ โดยได้ทำาตามระเบียบ คำาสั่งศาล คำาแนะนำาของนายทะเบียน คือ มีการสแกนเข้า มีการสแกนออก และมี
การขยายห้องประชุมจากข้างบนลงไปข้างล่าง มีระบบถ่ายทอด มีจอทีวี มีเสียง มีเขตปริมณฑล ซึ่งคาดว่า จะไม่มีปัญหา
ในเรื่องการจ่ายเงินให้กับสมาชิก เพราะปีที่ผ่าน ๆ มา หลังจากจ่ายเงินให้กับสมาชิกไปแล้ว ก็มีคำาสั่งจากนายทะเบียน
ให้เรียกเงินคืนจากสมาชิก แล้วก็มีการฟ้องร้อง มีคำาพิพากษาออกมาว่าให้สมาชิกที่มาประชุมต้องเป็นสมาชิกที่มาร่วม
ประชุมอย่างแท้จริง สหกรณ์จึงจะจ่ายเงินได้ ดังนั้น ในวันนี้ได้มีผู้แทนจากหน่วยงานราชการที่มีอำานาจใน
การตัดสินใจเข้าร่วมประชุมด้วย เมื่อได้รับฟังสิ่งที่กรรมการนำาเสนอ และสิ่งที่สมาชิกนำาเสนอแล้ว แล้วนำามา
เปรียบเทียบกัน รวมทั้ง จะได้มีการซักถามกับหน่วยงานราชการ เพื่อปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องต่อไป
สมาชิกในที่ประชุมได้อภิปราย ดังนี้
1. นายนเรศ ผึ้งแย้ม สมาชิก ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่มีปัญหากันมานาน จึงต้องทำาความเข้าใจกันก่อน
ว่าเหตุใดปีนี้มีขั้นตอนยุ่งยากเหลือเกิน ทั้ง scan เข้า scan ออก มีเต๊นท์ข้างนอก ติดตั้งเครื่องขยายเสียงข้างนอก ก็ขอ
สรุปว่า เนื่องจากปี 2555 กับ ปี 2558 มีกรณีการจ่ายค่าอาหารไปแล้ว เป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ จนกระทั่งมี
สมาชิกท่านหนึ่งทักว่า ถ้าจ่ายตามข้อบังคับ ควรจะต้องเข้าวาระก่อนเพราะเป็นเรื่องของงบประมาณ ปรากฏว่า เมื่อปี
2555 มีการเสนอโหวต เป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ เมื่อสมาชิกท่านหนึ่งได้ใช้สิทธิทักท้วงในที่ประชุมแล้ว สมาชิก
หรือกรรมการก็ไม่สนใจ เพราะถือว่ามติที่ประชุมใหญ่ใหญ่ที่สุด แต่ความเป็นจริงแล้วมติที่ประชุมใหญ่ต้องเป็นไปตาม
ข้อบังคับและข้อกฎหมาย ดังนั้น จึงมีการใช้สิทธิทางศาล ซึ่งศาลได้ให้แนวทางมาว่าต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ ทำาให้
ปีนี้ได้มีการดำาเนินการปฏิบัติตามข้อบังคับ คือมีการขอมติที่ประชุมใหญ่ไว้เมื่อปีที่แล้ว 2,000 บาท ทางกรรมการก็ได้
ดำาเนินการนำาเรื่องการจ่ายค่าเบี้ยประชุม 2,000 บาทเข้ามาในวาระพิจารณา แล้วมีการตั้งงบประมาณ และแจ้งให้
สมาชิกรับทราบว่าจะมีการจ่ายเงิน 2,000 บาท แต่ประเด็นสุดท้าย ศาลให้ข้อแนะนำาในการปฏิบัติว่าให้กรรมการไป
ดำาเนินการจัดหรือวางมาตรการในการจัดประชุมโดยได้เน้นมาว่าให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีส่วนร่วมในการประชุมจริง แต่
ยังหาข้อสรุปไม่ได้ อาจจะต้องรอคำาตอบจากนายทะเบียน ซึ่งประเด็นนี้ ก็ขอตั้งข้อสังเกตว่า การที่ศาลทักท้วงหรือ
ผู้ร้องไปร้องว่าการลงมติในห้องประชุม 100-200 เสียงนั้น แต่มีสมาชิกมาเป็นหมื่นคน ผมในฐานะสมาชิกก็ต้องยอมรับ
ว่าข้อทักท้วงหรือข้อร้องเรียนมีเหตุผลที่ฟังขึ้น ดังนั้น ผมจึงได้ประสานกับประธานที่จะดำาเนินการอย่างไรต่อไปในเมื่อ
ห้องประชุมสามารถจุคนได้ประมาณ 400-500 คนเท่านั้น แต่สมาชิกเป็นหมื่นคน จะให้มีส่วนร่วมได้อย่างไร ดังนั้น
จึงได้ประสานต่อเครื่องขยายเสียงออกข้างนอก ตั้งจอมอนิเตอร์ข้างต้น เพื่อให้สมาชิกที่เข้ามา ไม่ใช่มาเพื่อรอรับเงิน
เพียงอย่างเดียว เพราะอย่างน้อยก็ได้ฟังว่าห้องประชุมมีการพูดคุยเรื่องใดบ้าง และยังอำานวยความสะดวกให้สมาชิก
ข้างนอกมีสิทธิลงมติโหวตได้ด้วย นอกจากนี้ ก็ยังได้ฟังเหตุผลของผู้ร้องด้วย เมื่อคำาพิพากษาให้แนวทางไว้ ประกอบ