Page 103 - รายงานกิจการประจำปี 2561และการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2561
P. 103
รายงานกิจการประจำาปี 2561 และ
การประชุมใหญ่สามัญประจำาปี 2561 97
ขออนุมัติเบี้ยเดินทางให้กับสมาชิกท่านละ 2,000 บาท เป็นการตั้งงบของปีที่แล้วเพื่อมาจ่ายปีนี้ แต่บังเอิญผมไม่ได้พูด
เรื่องวิธีการจ่าย ในวันนี้เมื่อเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการมาเข้าร่วมประชุมด้วย ก็มีความเห็นต่างจากสมาชิก
ข้างต้นว่า ถ้าเป็นไปได้และไม่ผิดกฎหมาย ปีนี้ขอให้สมาชิกที่ scan เข้าแล้ว ไม่ต้องมีการ scan ออก ถ้าไม่ผิดกฎหมายใด
ซึ่งเป็นประเด็นที่ขอหารือเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการ และประเด็นที่จะขอหารือสมาชิกที่ร้องด้วยว่า จะไปร้องเรียน
อีกหรือไม่ เนื่องจากไม่ได้มีการพูดคุยกันให้ชัดเจน เพราะปัญหาทุกครั้งที่เกิดขึ้น เกิดจากสมาชิกที่เป็นผู้ร้องทั้งสิ้น และ
ขอให้สมาชิกได้รับทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งเกิดจากการที่สมาชิกอาจจะต้องการทำาในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อให้ถูกต้อง
ตามระเบียบ แต่สำาหรับวันนี้มีเรื่องของฝนตก พื้นที่ไม่เพียงพอ ด้วย
4. นายทวีชัย มงคลรัชต์ สมาชิก ขอตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องค่าใช้จ่ายในวันประชุมใหญ่ ได้มีการตั้ง
งบประมาณไว้แล้ว นอกจากนี้ยังมีการวางกรอบไว้อีกว่า มีการกำาหนดเวลา scan เข้า และจ่ายเงินหลังปิดประชุม 3 ชั่วโมง
โดยจะขอยกเว้นได้หรือไม่
5. นายพิทยา ทิพยโสตถิ ประธานกรรมการ ขอให้สมาชิกนำาข้อเสนอของสมาชิกข้างต้นไปคิดด้วย
ข้อเสนอที่ 1 นายนเรศฯ เสนอให้ scan ออกในเวลา 12.30 น. สำาหรับสมาชิกที่มีภารกิจความจำาเป็นของบริษัทโดย
ให้แสดงตน ข้อเสนอที่ 2 นายศิมันตร์ฯ เสนอให้ไม่ต้อง scan ออก แต่ในฐานะที่เป็นคณะกรรมการดำาเนินการ
ขอฝากให้สมาชิกคิดและต้องยึดถือเป็นกติกาด้วยว่า การจ่ายเงิน ต้องให้ผ่านวาระพิจารณางบประมาณก่อน จึงจะจ่าย
เงินได้ นอกจากนี้ สมาชิกทุกท่านที่อภิปรายในที่ประชุม ถ้าจะพูดถึงตัวบุคคล ขอให้เป็นบุคคลที่อยู่ในที่ประชุม
โดยขอกำาหนดเป็นกติกาไว้
6. นายสุพจน์ โกสิยะจินดา สมาชิก สิ่งทั้งหมดที่นำาไปนั้น ประการแรก ต้องเข้าใจว่าการเข้าประชุม ต้อง
อยู่ในที่ประชุม ประการที่ 2 เมื่อปี 2555 ผมร้องเรื่องค่าพาหนะไม่ใช่ค่าอาหาร เพราะจะมาขอที่ประชุมใหญ่ไม่ได้
ต้องมีกติตาตามข้อบังคับข้อ 50 ข้อ 57 ซึ่งคดีนี้ถึงศาลปกครองสูงสุดตัดสินแล้ว ทำาให้คำาสั่งนายทะเบียนมีผลใช้บังคับ
สมาชิก 10,200 คน เรียกเงินคืนได้ 200 คน แต่อีก 10,000 คนไม่เรียกเงินคืน แต่มีการตั้งงบประมาณฟ้องสมาชิก
10,000 คน จำานวนเงิน 30 ล้านบาท เพื่อเรียกเงินคืน 5 ล้านบาท ทำาได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ต้องคิดให้ดีว่าเงินที่ตั้ง
งบประมาณเป็นของสมาชิก 27,000 คน ไม่ใช่เงินของสมาชิก 10,000 คน จะเห็นว่า สิ่งที่ทำากันมานาน ถึงเวลาต้อง
ปฏิรูปแล้ว การที่บอกว่าติดภารกิจเร่งด่วนบริษัท ก็ไม่ต้องมาประชุม เพราะให้ทำางาน ถ้ามาต้องมาประชุม ถ้าไม่มา
ประชุมก็เบิกเงินไม่ได้ ซึ่งมีคำาสั่งนายทะเบียน มีคำาพิพากษาศาลฎีกา มีคำาสั่งนายทะเบียนปี 2558 ชัดเจน ซึ่งไม่ได้
ทั้งสิ้น
7. นายนเรศ ผึ้งแย้ม สมาชิก มีความเห็นต่างจากสมาชิกข้างต้น ซึ่งคำาพิพากษาก็น้อมรับ แต่ศาล
พิพากษามาให้กรรมการไปดำาเนินการวางมาตรการให้สมาชิกที่เข้าประชุมที่จะได้รับเบี้ยประชุม จะต้องเข้าประชุมจริง
แต่ที่ขอไว้ คือ ให้ scan ออกเวลา 12.30 น. ขอยกตัวอย่างการประชุมกำานัน ผู้ใหญ่บ้าน การประชุมอะไรก็แล้วแต่
เมื่อลงทะเบียนก็ถือว่าครบแล้ว ประเด็นที่ต้องอยู่ในห้องประชุม ก็ได้กำาหนดเขตไว้ หากออกไปข้างนอกแต่อยู่ในเขต
ที่กำาหนดไว้ ก็ถือว่ามีส่วนร่วม แต่มีความเห็นต่างกันตรงที่ว่า การอยู่ในห้องประชุมไม่จำาเป็นจะต้องอยู่ตลอด ขอยก
ตัวอย่างประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็ยังไม่อยู่ตลอดเวลาเลย