Page 139 - หนังสือจรัมบุญ ที่ระลึก ๑๒๓ ปีชาตกาล งานวันมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริหาเถร) ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒.
P. 139
ธรรมะคือหน้าที่ ใครมีหน้าที่อย่างไร ท�าหน้าที่นั้นให้มันสมบูรณ์
อย่างที่กล่าวว่า เป็นพ่อที่แท้ เป็นแม่ที่ถูก เป็นลูกที่ดี เป็นสามีที่น่า
เสน่หา เป็นภรรยาศรีเรือน เป็นเพื่อนกัลยาณมิตร เป็นศิษย์วิชาการ
เป็นอาจารย์ที่น่าบูชา เป็นผู้บังคับบัญชาที่น่ายกย่อง และเป็นลูกน้อง
ที่ซื่อสัตย์ นี่คือสัมพันธภาพ หรือสังคมวิทยาที่เราจะต้องสัมพันธ์กัน
ในสังคม ท�าหน้าที่ให้มีค�าว่าสัมมาๆ ถูกต้องๆ ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นนอน
ตอนเช้าเลยทีเดียว ลุกจากที่นอนก็มีสติสัมปชัญญะ จะท�าอะไร
จะลุก จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน จะกิน จะดื่ม จะพูด จะคิด
ให้มีความค�าว่าสัมมา ถูกต้อง เรามักจะแปลกันว่าโดยชอบ เช่น
สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ สัมมาสังกัปปะ ด�าริชอบ ความจริงค�าว่า สัมมา
นอกจากจะแปลว่าชอบแล้วยังแปลว่าถูกต้อง ให้มีค�าว่าถูกต้องๆ
อยู่ตลอดเวลา พูดก็ถูกต้อง ท�างานก็ถูกต้องตั้งแต่เช้าจนกระทั่งกลับ
มาตอนเย็นที่บ้าน ก็ให้มีความถูกต้องตลอดเวลา เรานึกดู ตรวจสอบดู
แต่ละวันๆ ว่าพฤติกรรมของเราเป็นความถูกต้องตลอด สามารถ
ยกมือไหว้ตัวเองได้ ไม่จ�าเป็นต้องไปไหว้พระที่ไหน นี่คือผู้ที่ด�ารงชีวิต
แบบธัมมชีวิโน ท�าหน้าที่โดยถูกต้องในทุกกรณี
และการประการสุดท้าย อปฺปมตฺตสฺส อปฺปมตฺตสฺส ไม่ได้
แปลว่าไม่ประมาท ถ้าแปลว่าไม่ประมาทก็คือมีสติ ก็จะไปซ�้ากับข้อที่ว่า
สตีมโต อปฺปมตฺตสฺส แปลว่า แปลได้สองนัยยะ นัยยะแรกแปลว่า
ไม่เห็นว่าเล็กว่าน้อย อปฺป น้อย มตฺต สักว่าเล็กน้อย อย่าเห็นว่า
เล็กว่าน้อยในทุกเรื่อง ไอ้ค�าว่าไม่เป็นไรๆ นี่ เราชอบพูดกัน แต่สักวัน
หนึ่งมันกลายเป็นเล็นขึ้นมา มันจะแก้ยาก อย่างเช่นผู้ที่เข้ามาอาศัย
ในแผ่นดินของเรา หนีหนาวหนีร้อนมาพึ่งเย็น คนไทยชาวพุทธไทย
เราก็โอบอ้อมอารี ให้ที่อยู่ที่อาศัยกันแดดกันฝน แต่นานวันเข้า
113
จรัมบุญ