Page 352 - สมโภชพระอารามหลวง ครบ 100 ปี วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร สุพรรณบุรี.
P. 352
สมโภชพระอารามหลวง ครบ ๑๐๐ ปี วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร • 269
ครั้นรุ่งเช้าเจ้าพลายก็โกนจุก จนผมยาวเจ้าได้ตัดมหัดไทย
เป็นพ้นทุกข์พ้นร้อนนอนหลับไหล คิดจะใคร่ไปเป็นข้าฝ้าธุลี”
(ขุนช้�งขุนแผน หน้� ๕๓๓-๕๓๕)
ก�รโกนผมไฟก็ดี ก�รโกนจุกก็ดี เป็นก�รบันทึกประวัติ
ประเพณีไว้ ปัจจุบันเด็กไทย ไม่ไว้ผมจุกและไม่มีทรงผมมหัดไทย
(มห�ดไทย) ก�รโกนจุกเป็นเครื่องแสดงว่�เด็กผ่�นจ�กวัยเด็ก
๔
ม�สู่วัยหนุ่มส�วแล้ว
กำรบวช
ก�รบวชเป็นประเพณีก�รบำ�เพ็ญกุศลอย่�งหนึ่ง เช่น
ก�รบวชส�มเณร นิยมกระทำ�กันเมื่อโกนจุกลูกเรียบร้อยแล้ว
พ่อแม่จะนำ�เด็กไปฝ�กกับพระเพื่อฝึกอบรมนิสัยและฝึกวิช�
คว�มรู้ ดังคำ�ประพันธ์ว่�
“พระสงฆ์องค์ใดวิชาดี แม่จงพาลูกนี้ไปฝากท่าน
ให้เป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ อธิษฐานบวชลูกเป็นเณรไว้”
(ขุนช้�งขุนแผน หน้� ๔๕)
ในขุนช้�งขุนแผนกล่�วถึงตอนพล�ยแก้วบวชเณรไว้อย่�ง
แจ่มชัด ตั้งแต่เริ่มเตรียมห�ซื้อผ้� ตัด เย็บ ย้อม จนสำ�เร็จเป็น
๔ ทรงผมมห�ดไทย เป็นทรงผมที่โกนผมข้�งๆ ให้เกรียน หรือตัดข้�งให้เตียน
เหลือไว้แต่กล�งกระหม่อมเป็นรูปกลมแผ่แบนๆ เหมือนแปรง