Page 58 - พท21001
P. 58
52
ชนิดและหนาที่ของคํา
คําที่ใชในภาษาไทยมี 7 ชนิด ไดแก คํานาม คําสรรพนาม คํากริยา คําวิเศษณ คําบุพบท
คําสันธาน และคําอุทาน ซึ่งคําแตละชนิดมีหนาที่แตกตางกัน ดังนี้
ื่
1. คํานาม คือ คําที่ใชเรียกชอคน สัตว สิ่งของ สถานที่ และคําที่บอกกริยาอาการ
หรือลักษณะตาง ๆ ทําหนาที่เปนประธาน หรือกรรมของประโยค ตัวอยาง คําที่ใชเรียกชอ คน
ื่
สัตว สิ่งของทั่วไป เชน เด็ก หมู หมา กา ไก ปากกา ดินสอ โตะ เกาอี้ คําที่ใชเรียกชื่อเฉพาะ
ี
บุคคล หรือสถานที่ เชน วิเชยร พิมพาพร วัด โรงเรียน คําที่ใชแสดงการรวมกันเปนหมวดหมู
เชน กรม กอง ฝูง โขลง คําที่ใชบอกอาการ หรือคุณลักษณะที่ไมมีตัว เชน คําวา การยืน
ั่
การนอน ความดี ความชว คํานามที่บอกลักษณะ เชน คําวา “แทง” ดินสอ 2 แทง “ตัว”
แมว 3 ตัว เปนตน
2. คําสรรพนาม คือ คําที่ใชแทนคํานาม หรือขอความที่กลาวมาแลวในกรณีที่ไม
ั้
ตองการกลาวคํานนซ้ําอีก ทําหนาที่เชนเดียวกับคํานาม ตัวอยาง คําสรรพนามแทนผูพูด เชน
ขา ขาพเจา ผม กระผม เรา ฉัน อาตมา คําสรรพนามแทนผูฟง หรือผูกําลังพูดดวย เชน ทาน
เธอ เอง มึง พระคุณเจา คําสรรพนามที่แทนผูที่เรากลาวถึงเชน เขา พวกเขา พวกมัน คําสรรพ
ี่
ั่
นามที่กําหนดใหรูความใกลไกล เชน น โนน โนน นน คําสรรพนามที่เปนคําถาม เชน ใคร อะไร
อันไหน ที่ไหน เปนตน
3. คํากริยา คือ คําที่แสดงกริยาอาการของการกระทําอยางใดอยางหนงของคํานาม
ึ่
คําสรรพนาม หรือแสดงการกระทําของประธานในประโยค ใชวางตอจากคําที่เปนประธาน
ของประโยค
คํากริยาจะแบงเปน 2 ประเภทคือ กริยาที่ตองมีกรรมมารับประโยคจึงจะสมบูรณและ
กริยาที่ไมตองมีกรรมมารับประโยคก็จะมีใจความสมบูรณ คํากริยาที่จะตองมีกรรมมารับประโยค
จึงจะมีใจความสมบูรณ เชน จิก กิน ตี ซื้อ ขาย ฯลฯ ขอความวา นกจิก ก็ยังไมมีความหมาย
สมบูรณเปนประโยค เพราะไมทราบวานกจิกอะไร ถาเติมคําวา แมลง เปน นกจิกแมลง ก็จะได
ั่
ความสมบูรณเปนประโยค เปนตน สวนคํากริยาที่ไมตองมีกรรมมารับ เชน คํา ปด เปด บิน นง
ั่
นอน ยืน ฯลฯ ประโยควา นกบิน ประตูปด หนาตางเปด คนนง ก็ไดความหมายสมบูรณ เปน
ประโยคโดยไมตองมีกรรมมารับ