Page 115 - cover-biology-boontieam new28-8 i_coateduv
P. 115
เกี่ยวกับวิธีการลักลอบว่าจะมีการรับมอบทองคำจากผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามา การตรวจค้นจึงไม่พบการกระทำความผิด และเกิดการปะทะคารมว่าเป็นเจ้าหน้าที่
ในราชอาณาจักรในห้องน้ำภายในห้องผู้โดยสารชั้นใน โดยใช้เสื้อกั๊กซึ่งทำเป็นซอง ฝ่ายเดียวกันแท้ ๆ ยังมาจับผิดกันเอง ทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่ชุดของเขากำลังปฏิบัติงาน
ไว้รอบตัวสำหรับใส่ทองคำแท่งโดยเฉพาะสวมไว้กับตัว และสวมเสื้อแจ็กเก็ต กันอยู่ ตัวผมในฐานะหัวหน้าชุดจึงต้องเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ ก็เลยถูกปรักปรำ
คลุมทับอีกชั้นหนึ่ง จากนั้นก็จะใช้เส้นทางที่ผู้ติดบัตรอนุญาตเข้าเขตหวงห้าม ว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องในการกุข่าวขึ้นมาเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาสั่งการให้มีการ
ภายในท่าอากาศยานผ่านเข้าไปได้ แล้วลงลิฟท์มาชั้นล่างเพื่อออกมานอกอาคาร ดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ทีมงานของเขาเสียชื่อเสียง ในเวลานั้นได้แต่
ผู้โดยสารแล้วขึ้นรถที่จอดรออยู่ นำออกไปส่งให้ผู้รับยังจุดนัดหมาย โดยมี หวานอมขมกลืน ตัวผมกลายเป็นหมาหัวเน่า ได้รับความเกลียดชังในหมู่ศุลกากร
การกระทำในลักษณะดังกล่าวมาหลายครั้งแล้ว ขอให้ดำเนินการจับกุมให้ได้ ด้วยกัน ถูกกล่าวหาว่าชอบฆ่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรด้วยกันเอง มีแต่คนรังเกียจ
ภายใน 3 วัน ถ้าไม่ดำเนินการจะส่งหน่วยอื่นไปดำเนินการจับกุม และถ้าหาก และไม่ไว้ใจ กลัวว่าจะไปคอยจับผิดใคร ๆ เขา ในนาทีชีวิตหรือนาทีวิกฤติที่เกิดขึ้น
ไม่จับกุมเอง แต่ถูกหน่วยอื่นจับกุมได้ ฝ่ายสืบสวนจะต้องรับผิดชอบ เพราะถือว่า ในครั้งนั้น ทีมที่ถูกตรวจค้นกลับได้รับความเห็นใจและชื่นชมที่ไม่ได้กระทำผิด
รู้เรื่องอย่างนี้แล้วแต่ไม่ดำเนินการ และจะถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามที่ถูกมองไปในแง่นั้น ทีมตรวจค้นจับกุมที่ถูกส่งให้ไปทำงานตามคำสั่ง
ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายและเป็นการผิดวินัยด้วย ในเวลานั้นรู้สึกไม่ค่อย ผู้บังคับบัญชาทั้ง ๆ ที่มีการทัดทานแล้ว กลับกลายเป็นคนผิดถูกต่อว่า ว่า “ไม่มี
สบายใจที่ต้องรับหน้าที่เป็นผู้ตรวจจับเจ้าหน้าที่ศุลกากรด้วยกันเอง จึงได้หารือ ฝีมือ” และ ไม่มีใครบอกว่าอย่าไปโกรธบุญเทียมกับทีมงานเลย เพราะพวกเขาไป
ผู้บังคับบัญชาว่า ใช้วิธีการเตือนก่อนไม่ดีกว่าหรือ เพราะไม่รู้ว่าข้อมูลที่ได้รับ ทำงานตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ถ้าเป็นคนอื่นเมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งก็ต้องทำอย่าง
จะเป็นจริงตามนั้นหรือเปล่า เจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหาก็เคยประสานหรือปฏิบัติงาน บุญเทียมและทีมงานเหมือนกัน ไม่มีเลยแม้แต่น้อย มันจึงกลายเป็นความ
ร่วมกัน แต่ก็ไม่เคยระแคะระคายว่ามีเหตุการณ์ทำนองนั้นมาก่อน ถ้าเป็น เจ็บช้ำในใจที่ต้องรับไปเต็ม ๆ จึงเปรียบการปฏิบัติงานในครั้งนั้นได้ว่าเป็น
ความจริง หากเตือนแล้วเขาหยุดกระทำการดังกล่าวก็จะได้ไม่ต้องมาจับกันเอง ปฏิบัติการ “จิกตากา” ผิดตัว ที่ผมต้องรับเคราะห์รับกรรมแต่เพียงผู้เดียว โดย
ถ้าไม่จริงเขาจะได้พิสูจน์ตนเอง แต่ผู้บังคับบัญชาบอกว่าไม่สามารถทำอย่างนั้น ไม่รู้ว่าข่าวสารข้อมูลที่ผู้บังคับบัญชาได้รับมาจะเป็นความจริงหรือไม่ประการใด
ได้ เพราะข้อมูลที่ได้รับมาเป็นความลับ ถ้าไปเตือนก็เป็นการไม่รักษาความลับ แต่ก็โล่งใจที่ไม่ต้องฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ คือ ต้องมาจับผิดพวกเดียวกันเอง
ซึ่งก็ผิดอยู่ดี และเมื่อผู้ใหญ่ให้โอกาสตรวจจับกันเองเพื่อมิให้เสียชื่อเสียงของ และยังดีที่ผมเป็นคนที่ไม่ถือสาหาความ ไม่เคยคิดที่จะผูกพยาบาท อาฆาตใคร
หน่วยงาน ถือว่าผู้ใหญ่ให้โอกาสแล้วและถือเป็นโอกาสในการจะได้พิสูจน์ว่า และคิดว่าคงเป็นวิบากกรรมของตัวเองที่ติดตัวมาแต่ชาติปางก่อน ก็ก้มหน้ารับ
ข่าวที่ได้รับมาเป็นความจริงหรือไม่อย่างไร ในเมื่อไม่มีทางเลี่ยงจึงต้องดำเนินการ ความเกลียดชังมายาวนานหลายปี กว่าจะมีคนเข้าใจว่าผมไม่ใช่คนเช่นนั้น ผม
ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา จัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการวางแผนจับกุม ทำงานตามหน้าที่และทำดีที่สุดแล้ว ไม่เคยคิดร้ายกับคนอื่น เวลาก็ล่วงเลย
ต่อไป โดยวางกำลังตามจุดต่าง ๆ พบเห็นเหตุการณ์ผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ มานานหลายสิบปีจนคนส่วนใหญ่ในกรมศุลกากรลืมเรื่องนี้กันไปเกือบหมดแล้ว
ที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้อง มีการเข้าห้องน้ำแล้วออกมาโดยสวมเสื้อแจ็กเก็ตคลุมทับ แต่ผมยังจำได้ดี เพราะเป็นบทเรียนชีวิตการทำงานที่มีราคาแพงมาก แต่ผมก็มิได้
เดินไปตามเส้นทางตามข่าว เพื่อจะไปลงลิฟท์ แต่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่อยู่จุดนั้น โกรธเคืองหรือต่อว่าผู้บังคับบัญชาและผู้อื่นที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ในทาง
อาจเกิดความประหม่า หรือตระหนกตกใจกลัว หรือเกรงใจไม่กล้าเข้าสกัด ตรงกันข้าม กลับทำให้ผมได้ข้อคิดและมีหลักในการทำงานว่า เราจะต้อง
ขอตรวจค้นตัวเจ้าหน้าที่สวมเสื้อแจ็กเก็ตคนนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมอีกส่วนหนึ่ง รับผิดชอบในสิ่งที่เราทำหรือสั่งให้ทำโดยไม่เอาตัวรอดหรือโยนความรับผิดชอบ
ที่รออยู่ข้างล่างก็ไม่รู้เพราะมองไม่เห็นเหตุการณ์ด้านใน เมื่อพบว่ามีเจ้าหน้าที่ ไปให้คนอื่น หลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว ผมจึงขอถอนตัวไม่ไปปฏิบัติงาน
ที่ถูกระบุตามข่าวว่าร่วมอยู่ในขบวนการเดียวกัน ออกมาจากลิฟท์แล้วเดินไปขึ้นรถ สืบสวนปราบปราม ณ ท่าอากาศยานกรุงเทพอีก และได้อยู่ปฏิบัติงานที่ฝ่าย
ที่จอดรออยู่ซึ่งตรงตามข้อมูลที่ได้รับอีก จึงตัดสินใจแสดงตัวขอทำการตรวจค้น สืบสวน กองป้องกันและปราบปรามต่อไปอีกระยะหนึ่ง หลังจากนั้นก็ได้ย้ายไป
โดยไม่รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่คนละคนกันกับคนที่สวมแจ็กเก็ตที่ยังไม่ได้ตามออกมา ปฏิบัติงานที่ฝ่ายควบคุมลานบิน ด่านศุลกากรท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง)
112 113