Page 14 - SeeSoon
P. 14

ถ้าบ้านเรามีกฎหมายรองรับแรงงานที่มีประสิทธิภาพสูง

           ให้เข้ามาทำางานมากขึ้น จะเป็นการเปิดโอกาสการเติบโต
           ทางธุรกิจของบ้านเราไหม?


                 “มันก็เป็นดาบสองคมนะ ในมุมหนึ่งก็ดี เอาคนเก่งเข้ามา
           แล้วเราก็เรียนรู้จากเขาเพราะว่าเขามีแนวคิดแบบใหม่ ที่ทันสมัย
           พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่เขาเอามาใช้ในการท�างาน มันก็ดี  แต่ในอีก
           มุมหนึ่งก็คือว่า จะมีการเกิดการทดแทนแรงงานในประเทศ ก็ท�าให้
           แรงงานในประเทศซึ่งมีประสิทธิภาพน้อยกว่าก็ต้องออกไปจากระบบ  มช. เราควรจะปรับเปลี่ยนไปในรูปแบบใด?
           การท�างาน มันก็หมายความว่า เอาคนที่เป็นน�้าดี มาไล่น�้าเลว ที่
           ท�างานได้ไม่ดีออกไปจากระบบมีค�าถามว่าแล้วคนกลุ่มนั้นจะไป  “เราจะต้องมีจุดขายอะไรบางอย่างที่ส�าคัญที่คนบอกว่า
           ไหนรัฐบาลมีมาตรการหรือวิธีการดูแลคนกลุ่มนั้นยังไง”  บัณฑิตของมช. มีคุณลักษณะเฉพาะซึ่งที่อื่นไม่มี” คือวันนี้อาจจะบอก
                                                               ว่าเรายังไม่มีจุดอะไรที่เป็นจุดเด่น เพราะฉะนั้นเราก็จะเป็นเหมือน

           เรื่องธุรกิจ Start up คือบ้านเราแห่ไปให้ความสนใจกับ  ของที่ขายคละไปในตลาดไม่ได้เป็นของคัด อันนี้คือสิ่งที่เป็นปัญหา
                                                               เพราะถ้าเราไม่ได้ต่างจากคนอื่น ก็ไม่ได้มีใครเขาอยากจะซื้อเรา
           ตรงนี้มากเกินไป จนไม่ให้ความสำาคัญกับธุรกิจที่เติบโต
                                                               มาก”
           มาระยะหนึ่งแล้วหรือเปล่า?

                                                               อยากฝากอะไรถึงนักศึกษาและบัณฑิตจบใหม่ของ มช.?
                 “คือมันต้องมองอย่างนี้นะครับว่าในตัวบ่งชี้การพัฒนา
           เศรษฐกิจ เนี่ยอันหนึ่งที่ส�าคัญก็คือว่าเราควรจะมี SME ให้มากขึ้น
           หมายความว่าเราไม่ควรจะไปส่งเสริมให้มีธุรกิจที่เป็นพวก Large   “คู่แข่งขันของคุณเนี่ยไม่ใช่คนที่อยู่ในประเทศ แต่คือคนที่อยู่
           scale ให้มากนัก เพราะว่าไอ้พวกธุรกิจที่ Large scale ใหญ่ๆ   ต่างประเทศ เพราะบริษทต่างชาติจะมาเปิด ธุรกิจในบ้านเรามากขึ้น
           เนี่ย ค่อนข้างที่จะผูกขาด เพราะฉะนั้นการที่มี SME มากๆ คือเหมือน  เรื่อยๆ เพราะนั้นคุณสมบัติแรกเลยที่คุณยังสู้เขายังไม่ได้นั้นก็คือเรื่อง
           กับคุณมีผู้ผลิตหลายรายในตลาดมันก็ช่วยในแง่ของการเพิ่ม  ภาษา คุณก็ตกไปล่ะ ยิ่งคุณมีเทคโนโลยีต�่ากว่าเขา คุณก็ไม่ถูกเลือก
           ประสิทธิภาพของการแข่งขันในตลาด อันนี้เนื่องจากว่าแน่นอนที่สุด  เพราะตอนนี้ตลาดแรงงานมัน Globalize มาก แล้วคนที่จะถูกเลือก
           ในอนาคตเนี่ย คนส่วนหนึ่งที่จบการศึกษา พูดง่ายๆพวกเราที่จบการ  ไปจะต้องมีคุณลักษณะที่จะเป็นแบบสากลมาก  ไม่ใช่เรียนแบบ
           ศึกษาไป จะไม่สามารถได้งานเหมือนในอดีตล่ะ ก็จะมีคนได้งาน สมมติ  สบายๆ  ให้พอจบ  แล้วคิดว่าไปหางานท�าเอาดาบหน้า คุณตาย
           ว่าตัวเลขที่เขาพยากรณ์ มีไม่เกิน 20% ของบัณฑิตที่จบ ค�าถามคือ  อย่างเดียว เพราะความรู้ต้องสะสมตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
           ว่า 80% จะไปอยู่ไหน 80% ก็คือต้องไปท�าธุรกิจของตัวเอง ถ้า  และต้องเป็นความรู้ที่ไม่ใช่อยู่ในห้องเรียนอย่างเดียว”
           เราไม่สร้าง Start up คนกลุ่มนี้ก็จะเป็นพวกแรงงานที่ตกงาน
           ว่างงาน เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องเตรียมตัวรับกับสถานการณ์ที่มัน  จากที่เราท�าความเข้าใจและได้โอกาสสัมภาษณ์มุมมองของ
           จะเปลี่ยนไป ถึงได้บอกว่าการที่มี Start up ขึ้นมาเพื่อต้องการที่   ผศ.ดร.จารึก สิงหปรีชาต่อ Thailand 4.0 ไปแล้ว เราเชื่อว่าคนใน
           ดูดซับเอาแรงงานส่วน 80% นี้ ซึ่งต่อไปจะต้องเป็นเจ้าของกิจการเอง   สังคมหลายคนอาจก�าลังรู้สึกเหมือนเราคือ รู้ว่าตอนนี้ประเทศ
           ให้เขาอยู่ในระบบแทนที่จะปล่อยให้เขาเป็นคนว่างงาน”   ก�าลังจะเป็น 4.0 แต่แล้วมันเป็นยังไงล่ะ  ก็ยังไม่เห็นมีอะไร
                                                               เปลี่ยนแปลงชีวิตก็ยังด�าเนินกันตามปกติ อะไรๆมันก็ยังเหมือนเดิม
           คิดเห็นอย่างไรกับบัณฑิตในขณะนี้ที่เมื่อจบไปแล้วต้อง  จะครบสองปีแล้วมั้งที่เราได้ยินมันอยู่บ่อยๆ แล้วมันต่างกันยังไงล่ะ?
                                                               ค�าถามที่หลายคนสงสัย เราเองก็เช่นกัน
           เจอกับระบบการทำางานของยุค 4.0?

                                                                     ส่วนตัวเราเอาเข้าจริงๆ ก็ก�าลังท�าความเข้าใจกับมันอยู่
                 “คือปัญหาเนี่ยมหาลัยไม่ได้มีหลักสูตรหรือโปรแกรมที่  รู้บ้างไม่รู้บ้าง แต่ถ้ายุคที่เขาเรียกกันว่า 4.0 นี้มันจะท�าให้ประเทศ
           เตรียมบัณฑิตที่จะเข้าไปท�างานในโลกของ 4.0 หรือในโลกสมัยใหม่   เราเกิดการพัฒนาได้จริงๆ ลึกๆ แล้วในใจเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า
           เพราะว่าเนื่องจากหลักสูตรในมหาวิทยาลัยเป็นหลักสูตรที่เน้นเรื่อง  เราก็อยากจะลองดูสักตั้งเหมือนกัน
           ของการฟัง Lecture ทฤษฎี ไม่ได้เน้นออกไปในเชิงของการปฏิบัติ
           ซึ่งจริงๆ ภาคเอกชนต้องการคนที่ออกไปแล้วท�างานได้เลยมันก็จะ  อย่าให้ประเทศไทยต้องเปลี่ยนเป็น Thailand 4.0 เพียง
           เป็นปัญหาที่เขาจะต้องมีต้นทุนในการที่จะต้องเอาบัณฑิตที่จบใหม่  แค่ค�าพูดของใคร เพราะมันคงจะดีกว่ากันเยอะ ถ้าเราเริ่มต้น
           ไปฝึกซึ่งต้องใช้เวลาเพราะฉะนั้นจึงท�าให้สถาบันเหล่านี้ หันมาตั้ง  การเป็น 4.0 ด้วยความคิดที่อยากจะพัฒนาแล้วก็มาลงมือท�ากัน
           สถาบันการศึกษาเองอันนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก”       เลย





     12
   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19