Page 447 - Book-LP-Pichit_524 PAGES_1800 Smallest
P. 447
ี
ี
ึ
จากสถานท่พระคันธกุฎีแห่งน้ ซ่งเราก็ได้นึกอนุโมทนาสาธุอยู่ในใจ
ต่อบุญกุศลที่เกิดมีขึ้นกับทุก ๆ คน..
พวกเราน่งภาวนาบ้างเดินจงกรมบ้างไปเร่อย ๆ แยกออกไปหา
ื
ั
ชัยภูมิของใครของมัน โดยยึดบริเวณใกล้กับพระคันธกุฎีเป็นศูนย์
กลาง ช่วงบ่ายจึงพากันออกเท่ยวเดินดูบริเวณท่วไปในพระเชตวัน
ี
ั
ี
�
ื
ท่านอาจารย์มัคคุเทศก์ได้เล่าเร่องราวบ่อน้าท่พระพุทธองค์ทรงใช้
เม่อทรงพักอยู่ท่พระเชตวัน ดังท่ได้กล่าวถึงมาในตอนต้น ท่านนาพา
ื
ี
ี
�
ิ
�
ู
เดนไปด และเล่าเรองราวต่าง ๆ เก่ยวกบบ่อนาด้วย เราลองมองลง
่
ื
ี
้
ั
ี
ไปดูในบ่อ เห็นมน�้าอยู่ลึกลงไปน่าจะประมาณ ๑๐ เมตรเห็นจะได้
็
�
เหนว่าน้าอยู่ลึกเชยว ไม่ทราบว่าสมัยโน้นท่านใช้อะไรตก ถ้าเป็นอีสาน
ี
ั
ี
บ้านเราในเมืองไทย เขาใช้ไม้ไผ่เล้ยงล�ายาว ทาตะขอตรงปลายแล้ว
�
�
เอาเกี่ยวกับคันของกระชุ (เมืองเหนือว่า ‘น้าคุ’) หรือต่อมาก็ใช้ถังเหล็ก
ี
�
เอาตะขอเก่ยวเข้ากับห่วงของถังเหล็กหย่อนลงไปเหว่ยงจ้วงตักน้า
ี
�
ี
ในบ่อ แล้วดึงท่อนลาไม้ไผ่มีกระป๋องท่มน้าเต็มเก่ยวติดน้นข้นมา
ี
�
ั
ี
ึ
ึ
ก็ได้น�้าจากในบ่อข้นมาใช้ ต่อมาเห็นมีการใช้เชือกผูกกับคันของถัง
ตัก หย่อนถังลงไปตักน�้าในบ่อ แล้วดึงเชือกข้นมา ก็ใช้ได้เหมือนกัน
ึ
ี
ื
เม่อเรายังเล็กก็ยังได้เห็นว่าท่บ้านเรือนของใคร ๆ ล้วนแต่ต้องใช้น�้า
�
ี
�
ี
จากบ่อ เพราะยังไม่มน้าประปา เราคิดว่าท่บ่อน้าของพระพุทธองค์
ี
ท่พระเชตวันสมัยนั้นเขาอาจจะใช้เชือกผูกภาชนะหย่อนลงไปจ้วง
ี
ึ
�
ตักน้าข้นมาใช้เพราะบ่อมันลึกมาก จะหาลาไม้ไผ่ท่ยาวขนาดนั้นคงหา
�
ได้ยาก และหากมีก็ต้องเป็นไม้ไผ่ลาใหญ่โต ไม่สะดวกใช้งานดอก
�
คงจะมีวิธีใช้เชือกหย่อนลงไปตักดังว่า เรามองดูจากท่ยืนอยู่ข้างบน
ี
ดูน�้าเห็นว่ายังใสอยู่
ี
ี
ื
ออกจากพระคันธกุฎี คณะเราเดินไปดูพ้นท่ท่กว้างไปทางด้าน
ู
ั
หลงของพระคนธกฎ เหนมกฏพระสาวกองค์สาคญ ๆ อย่ใกล้ ๆ
ิ
ุ
ี
็
ี
ั
�
ั
ุ
l
ความเปนมาของเรา 433
็